Friday, 15 November 2024

ฝันดี – ฝันเด่น สองฝาแฝด ช่วยน้ำท่วมโบราณสถานวัดกิ่งแก้ว สูง 1 เมตร

ข่าวทั่วไทย จิตอาสาภาคเอกชน ใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน นำโดย ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร พร้อมอาสาบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการร่วมกันนำเครื่องสูบน้ำแบบหาบหามจำนวน 8 เครื่อง เข้ามาระดมสูบน้ำที่ท่วมภายในวัดกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีปริมาณน้ำสูงถึง 1 เมตร โดยปริมาณน้ำที่ท่วมสูงถึง 1 เมตร ได้มีการไหลทะลักเข้าท่วมภายในโบสถ์ รวมถึงวิหาร ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมดังกล่าวเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางดึกของเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ปริมาณฝนจำนวนมาก อีกทั้งน้ำในคลองบัวใหญ่ที่อยู่บริเวณหลังวัดเอ่อสูงขึ้น ไหละทะลักเข้ามาตามท่อระบายน้ำของทางวัด ส่งผลทำให้ภายในวัดทั้งหมดถูกน้ำท่วม

สล็อต xo Slotxo

ฝันดี – ฝันเด่น สองฝาแฝด ช่วยน้ำท่วมโบราณสถานวัดกิ่งแก้ว

ข่าวทั่วไทย ฝันดี – ฝันเด่น
นายรัชพล ทองดี ซึ่งเป็นมัคทายกของวัด เล่าว่า ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมวัดสืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงกลางดึก ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำฝนเข้าท่วมขังอยู่ภายในโบสถ์และวิหารของวัด ซึ่งได้ตั้งอยู่ที่ริมถนนกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งโบสถ์และวิหารได้มีการจดให้เป็นโบราณสถาน ทางวัดจึงได้มีการเร่งสูบน้ำออกอย่างด่วน เพื่อทำการรักษาโบราณสถานเอาไว้ จากการตรวจสอบพบว่า น้ำได้มีการไหลเข้าท่วมโบสถ์สูงประมาณ 20 เซนติเมตร เกรงว่าจะสร้างความเสียหายให้กับโบสถ์ เนื่องจากโบสถ์เป็นโบราณสถานที่มีอายุมานานหลายสิบปี

นายฝันเด่น จรรยาธนากร เล่าว่า ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกเมื่อประมาณ 3 วันที่แล้ว ได้มีการรับแจ้งว่าน้ำได้เข้าท่วมภายในวัดกิ่งแก้ว ทางทีมงานได้มีการเดินทางไปถึงที่วัดในช่วงบ่ายของวันนั้น ได้ช่วยกันสูบน้ำออกจนถึงเที่ยงคืนน้ำจึงได้แห้งเป็นปกติ ทั้งบริเวณโดยรอบของวัดและโบราณสถาน โดยได้มีการนำเอากระสอบทรายมาวางกั้นเอาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย

ฝันดี – ฝันเด่น สองฝาแฝด ช่วยน้ำท่วมโบราณสถานวัดกิ่งแก้ว
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เวลา 8 โมงเช้า ได้มีการรายงานว่าน้ำได้มีการไหลทะลักเข้าท่วมวิหารอีกแล้ว เนื่องจากช่วงกลางดึกได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำภายในลำคลองที่อยู่บริเวณด้านหลังวัดเพิ่มขึ้น ผนวกกับทางบริเวณด้านหน้าที่เราได้วางถุงทรายกั้นเอาไว้ ได้มีการถูกรื้อออก ส่งผลทำให้น้ำทะลักเข้ามา อีกทั้งตัวไดโว่ของวัดเสีย ส่งผลให้สภาพเป็นอย่างที่เห็น น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำมากกว่าครั้งแรก โดยครั้งแรกน้ำสูงถึงเอวอยู่ที่ประมาณ 90 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร บางจุด เนื่องจากวัดเป็นพื้นที่ลาดเอียง ซึ่งครั้งแรกที่มาน้ำยังไม่ไหลเข้าไปภายในพื้นที่ของโบสถ์และวิหารแค่ปลิ่มๆ ขอบประตู แต่ทว่าครั้งนี้น้ำได้มีการไหลเข้ามาภายในวิหารและโบสถ์ ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือทางมัคนายกอยากให้ทางเราเร่งระบายน้ำออก เนื่องจากด้านในของวิหารเป็นโบราณสถาน โดยตนก็ยังไม่ได้เข้าไปเห็น เขาบอกว่าพื้นมีการปูกระเบื้องต่างๆเป็นแบบโบราณ โดยเราก็ได้มีการดำเนินตามแผน ลองสูบน้ำแบบหาบหามของอาสาสมัครทั้งหมด 8 เครื่อง ได้มีการทดลองสูบช่วงบ่าย 3 ถึง 4 โมงเย็น น้ำลดลงไปประมาณ 10 เซนติเมตร

โดยมันมีเงื่อนไขเกิดขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาเพิ่ม ซึ่งก็เหมือนกับครั้งแรกที่ได้มีปริมาณน้ำไหลเข้ามาเพิ่มจากคลองที่อยู่บริเวณด้านหลังของวัด โดยมีท่อระบายน้ำที่วางลอดอยู่ใต้โบสถ์ที่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ มีฐานสูงกว่าโบราณสถานทั้งสองหลัง ซึ่งคลองน่าจะมีช่องทางที่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำ จึงส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำเข้ามาเติม โดยเราสามารถสูบน้ำไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง หยุดพัก 10 นาที เพื่อรอดูเวลาน้ำที่สูบออกไปได้ประมาณ 10 เซนติเมตร แต่พอพักเครื่อง 10 นาที ปริมาณน้ำก็กลับมาเท่าเดิม หมายความว่าที่เราทำไปมันเสียเปล่า ซึ่งใจอยากจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสภาพโดยรอบ

ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ ในส่วนของเรื่องบุคคลและกำลังพล ที่จะช่วยกันเติมกระสอบทรายเพื่อที่จะใช้ทำเป็นบังเกอร์ โดยตอนนี้ทรายมีอยู่ 2 กอง เท่าที่ประเมินดูแล้วน่าจะต้องใช้กระสอบทรายอย่างน้อยประมาณ 500 ถุง เพื่อใช้วางเป็นบังเกอร์ตามขอบต่างๆ ให้ได้เพราะมันสูงประมาณ 70 เซนติเมตร ได้ในการซ้อนกันเป็นสองชั้น เนื่องจากน้ำมีแรงมหาศาล โดยเราต้องทดลองประเมินเดินเครื่อง 1 ชั่วโมงให้จบ จากนั้นลองดับเครื่องดูว่าจะมีปริมาณน้ำมาเพิ่มหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาทำการช่วยเหลือ มีเพียงอาสาสมัครเข้ามาช่วยเท่านั้น