สรุปปมดราม่า ชัชชาติสวมชุดอาหรับ ภาคีเครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ!!ชี้ นี่คือภัยใหญ่หลวงของชาวพุทธ

ข่าวการเมืองสรุปปมดราม่า ชัชชาติสวมชุดอาหรับ เชื่อมความสัมพันธ์ หลังภาคีเครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ!!จี้สอบประเด็นนี้ เพราะมันคือภัยร้ายแรงของชาวพุทธ กลายเป็นกระแสตีกลับต่อพระสงฆ์ หลังเรื่องรางดังกล่าวถูกยื่นสอบสวนประเด็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สวมใส่ชุดอาหรับกำมือชูนิ้วชี้กล่าวคำสรรเสริญอัลเลาะห์ เหมือนไม่ให้เกียติชาวพุทธ

ชัชชาติสวมชุดอาหรับ เชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นกระแสตีกลับต่อพระสงฆ์

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมากลุ่มภาคีเครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธได้ส่งหนังสือถึงการกระทำของ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่พวกเขานั้นไม่เห็นด้วยเรื่องที่ท่านั้นแต่งตัวเหมือนมุสลิม คือภัยร้ายแรงของชาวพุทธ รายละเอียดหนังสื่อที่ส่งมานั้นเขียนเอาไว้ว่า สืบเนื่องมาจากกรณีของผู้ว่าที่ได้สวมชุดประจำชาติของประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นรัฐอิสลามและท่านผู้ว่าก็แสดงสัญลักษณ์กำมือชูนิ้วชี้ พร้อมกล่าวคำสรรเสริญอัลเลาะห์ ซึ่งพวกเขานั้นได้ตั้งคำถามว่า ท่านผู้ว่ามีความคิดอย่างไรถึงทำแบบนั้น และควรท่านควรให้เกียรติแก่คนไทยชาวพุทธในประเทศ และ“เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา ก็ได้แชร์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยใจความว่า “โอ๊ย กรี๊ด สรยุทธช่วยอธิบายทีครับอธิบายที!! ไม่ไหวแล้ว”โพสต์ก็ได้ลงรูปของท่านผู้ว่าในชุดประจำชาติของซาอุดีอาระเบีย”

ไม่ใช่ประเด็นทางศาสนา แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ภาพถ่ายที่ถูกแชร์ออกมานั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาที่ท่านผู้ว่านั้นได้เดินทางไปร่วมงาน  (Efforts of the Kingdom of Saudi Arabia in Serving Muslim Brothers) ซึ่งสถานที่จัดงานนั้นคือสถานเอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทยเป็นแม่งาน ที่จัดขึ้นอยู่ที่ The Foundation of Islamic Centre of Thailand  เขตสวนหลวง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาท่านผู้ว่านั้นได้ชี้แจงคำถามที่หลายๆส่วนสงสัยว่า การร่วมงานและการแต่งกายอย่างที่ทุกคนเห็นนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาแต่อย่างใด และเป็นไปตามของแขกรับเชิญของสถานเอกอัครราชทูตของประเทศซาอุดีอาระเบีย

ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการสอบถามแล้วว่าชุดที่สวมใสในวันนั้นเป็นชุดที่ทุกคนสามารถสวมใสได้ โดยส่วนตัวผมนั้นก็คือชาวพุทธเต็มตัวส่วนใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่เลย ส่วนตัวนั้นผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ควรเอามาใส่ใจ หากทำให้ทุกคนเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้การแต่งกายดังกล่าวนั้นเกิดกลายเป็นเรื่องเป็นราวเกี่ยวกับศาสนา เพราะการแต่งกกายในวันนั้นเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อดีตทูตไทย ชี้เป็นเรื่องปกติ 

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ นั้นบอกว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นกระแสดราม่านั้น คือเรื่องที่ผู้นำทางการเมืองหรือองค์กรของรัฐและภาคส่วนต่างๆนั้นสามารถทำได้ และต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประเทศไทยคือประเทศที่ประชาชนทุกคนนั้นมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียม สามารถนับถืออะไรศาสนาไหนก็ได้ ต่อให้ท่านผู้ว่าคิดอยากจะเปลี่ยนการนับถือศาสนาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด และก็ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง