เคลียร์ชัด เงินดิจิทัลวอลเล็ต เฮลั่น! รัฐบาลทำตามสัญญา

สวัสดีแฟนๆทุกท่าน เข้ามารับข่าวออนไลน์ ที่เป็นกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่อง !!เคลียร์ชัด เงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีการประกาศออกมาชัดเจนแล้ว ในกรณี บอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ เคาะ แหล่งเงิน-กลุ่มเป้าหมาย-เงื่อนไข-ระบบ ให้ประชาชน 50 ล้านคน อายุ 16 ปีขึ้นไป ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมตอบข้อสงสัยทำไมการ “ซื้อสินค้าออนไลน์” ถึงไม่สามารถทำได้

ทุกคนค่าาา รัฐบาลทำตามสัญญา เคาะแล้วค่ะ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่หลายคนรอคอย เย้ๆๆ

เคลียร์ชัด เงินดิจิทัลวอลเล็ต  เราจะแจกตามคำสัญญา “ดิจิทัลวอลเล็ต”

อัพเดตใน วันที่ 10 เมษายน 2567 ใน “NEWSROOM” รายการทอล์กคุยข่าวใหญ่ ทางไทยรัฐออนไลน์ ดำเนินรายการโดย กาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และฟังการวิเคราะห์จาก ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ Innovest X ในประเด็นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำแถลงข่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 3/2567 พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้

ในด้านของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า มีรายละเอียดที่ปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ รายละเอียดส่วนของเกณฑ์รายได้ และเงินฝากในบัญชีคงเดิม โดยใช้ฐานของสรรพากรเป็นหลัก เงื่อนไขการใช้จ่ายที่บอกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประชาชนกับร้านค้า และร้านค้ากับร้านค้า โดยนายจุลพันธ์ กล่าวว่า กำหนดระยะเวลาเป็นรายปี คือเป็นไปตามปีงบประมาณ สิ้นสุดราววันที่ 30 ก.ย. ปี 68 ส่วนร้านค้าที่สามารถเอาไปแลกเป็นเงินสด ก็ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดิม และยืนยันเช่นเดิมเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการอยู่ในฐานภาษีในระยะยาว เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

ดังนั้นแล้วเรามาดูกันเลยว่ากลุ่มเป้าหมาย กล่าวถึงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้

1. กลุ่มเป้าหมาย โดยจะมีประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคนที่ได้รับนั้นเอง โดยจะมีเกณฑ์ ได้แก่ อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน, ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาทนั้นเอง

2. แหล่งเงิน จะใช้เงินจากงบประมาณจาก 3 แหล่ง ได้แก่

• เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท
• การดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท
• การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายต่าง ๆ เช่น มาตรา 6 และมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบาย 2 เรื่อง ที่เป้นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถกระตุ้นภาคอสังหาฯ เป็นเพียงแค่ 2 นโยบายในหลายโครงการที่เราจะทำเพิ่มต่อไปนั้นเอง

แต่อย่างไรก็ตามแฟนๆทุกท่านสามารถเข้ามาติดตามข่าวสดได้เลยที่ช่องทางออนไลน์ พร้อมอัพเดตใหม่ รวดเร็วทันใจ