มาตรฐานราคา “โรงหนัง” ในอเมริกา ที่เปลี่ยนแปลงไป กำลังจะทำให้ทุกอย่าง “แย่ลง”

ข่าวต่างประเทศ ราคาโรงหนังในอเมริกา “ล่าสุด” อย่าง AMC ที่จะแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 ระดับ (Standard Sightline- Value Sightline- Preferred Sightline) ไม่แน่ว่ามันจะทำให้วงการหนังดิ่งลงจ่มลงสู่หายนะได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเหตุผลจะเป็นเพราะอะไรเดี่ยวตามไปชมพร้อมกันได้เลย

ราคาโรงหนังในอเมริกา “แบบใหม่” อาจนำพาวงการหนังพังพินาศได้ในอนาคต

นี่นับเป็นข่าวใหญ่ในรอบเดือนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เครือโรงภาพยนตร์สุดเวอร์วังอลังการแห่งอเมริกา AMC Entertainment Holdings, Inc กำลังเปลี่ยนระบบราคาจำหน่ายตั๋วใหม่ โดยเรียกเข้านี่ว่า Sightline นี่คือการตั้งการตีราคาตั๋วตามระยะที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

Standard Sightline คือ

• ราคาตั๋วมาตรฐาน

Value Sightline คือ

• 2 แถวหน้า ที่จะลดราคาลงมา
• 2 แถวริมสุดของแถว ที่จะลดราคาลงมา

Preferred Sightline ได้แก่

• ที่นั่งตรงกลางที่มอบประสบการณ์การดูหนังที่ดีที่สุด
• ซึ่งระดับนี้จะปรับราคาให้สูงขึ้น

โดยระบบ Sightline นั้นเอเอ็มซีเอ็นเตอร์เทนเมนท์โฮลดิงส์อิงค์ใช้วิธีการจัดการเหมือนกับการชม Concert และ Broadway play โดย Eliot Hamlisch รองประธานบริหารและ CMO ของ AMC Theatres บอกว่า “ระบบ Sightline ที่เอเอ็มซีนั้นไม่ได้แตกต่างกันกับแนวทางการกำหนดราคาที่นั่งแบบเดียวกันกับสถานบันเทิงอื่นๆ หลายแห่ง

โดยเสนอราคาตาม experience ในการรับชมของผู้ชมภาพยนตร์ในการค้นหาอรรถรสจากภาพยนตร์ ทุกที่นั่งใน เอเอ็มซีเอ็นเตอร์เทนเมนท์โฮลดิงส์อิงค์ จะมอบประสบการณ์การรับชมที่น่าตื่นตาตื่นใจ เราทราบดีว่าลูกค้าที่มารับชมภาพยนตร์บางคนให้ความสำคัญเรื่องของตำแหน่งที่นั่งมากๆ และคนอื่นๆก็ให้ความสำคัญกับการรับชมภาพยนตร์ที่คุ้มค่าเช่นกัน Sightline

เอเอ็มซีรองรับความรู้สึกทั้งสองอย่าง เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าผู้ชมของเราจะ control ประสบการณ์การรับชมได้มากขึ้น เพื่อให้การเดินทางมาที่เอเอ็มซีทุกครั้งเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ซึ่งการแบ่งชนชั้นการดูภาพยนตร์ถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรมากมายที่จัดลำดับราคาหน้าสุดถูก ส่วนด้านหลังแพง แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา ที่ปกติจะขายตั๋วหนังในราคาเท่ากันหมด

โดยสามารถเลือกนั่งตรงไหนก็ได้เพราะใครมาก่อนก็ได้สิทธิ์เลือกที่นั่งชมก่อนมานานมากแล้ว ราคาที่นั่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวันและเวลา อย่างเช่น วันอังคารตั๋วจะถูกกว่าวันอื่นๆ รวมไปถึงจะเรียงค่าตั๋วตามอายุผู้ชม การเปลี่ยนค่าตั๋วให้แพงให้ถูกดังกล่าวในโรงหนังใหม่จึงไม่เป็นที่น่าพอใจนักสำหรับผู้ที่เคยชินกับระบบโรงหนังแบบเก่าเท่าไหร่

เว็บไซต์ Den of Geek บอกว่าการเปลี่ยนแปลงราคานั้นมันเหมือนกับว่า เป็นการทำให้วงการภาพยนตร์นั้นอาจถูกปิดตายได้ เพราะสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของคนดูที่เปลี่ยนไปหลังพบเจอกับโรคระบาด จนทำให้โรงหนังต้องหยุดฉายนานมากกว่า 12 เดือนเต็มๆ ทำให้คนดูบางกลุ่มที่ยังคงหวาดกลัวโควิดจนไม่กล้าเข้าโรง

หรือการมาของ streaming อันร้อนแรงที่ทำให้ประชาชนนั้นเลือกดูภาพยนตร์ที่บ้านมากกว่าเกินทางไปดูที่โรงภาพยนตร์ ยิ่งดึงให้โรงภภาพยนตร์ฟื้นตัวช้า และอาจนำพาไปจนถึงการปิดสาขาในหลายๆ แห่งทั่วประเทศขึ้นไปอีก จากข้อมูลของ The Numbers ตั๋วหนัง 813 ล้านใบ ถูกขายไปใน North America เมื่อปีที่แล้ว

ถึงแม้ว่าตัวเลขนั้นอาจจะทำให้ชื่นใจแต่มันก็น้อยกว่า 33 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2019 ที่จำหน่ายตั๋วได้ 1,230 ล้านใบ ปีก่อนหน้านั้น 2018 จำหน่ายตั๋วได้ 1,310 ล้านใบ และเมื่อ 20 ปีที่แล้ว อัตรารายปีจำหน่ายตั๋วได้มากกว่า 1,500 ล้านใบ ตัวแปรสำคัญคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนดูในยุคนี้ ที่มีสื่อมากมายพร้อมแย่งแอร์ไทม์เราไป ไม่ว่าจะเป็น

• streaming
• social media
• game
• events

แต่การเพิ่มค่าตั๋วเพื่อเปลี่ยนกับความ premium ในสมัยนี้อาจจะไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีเท่าไหร่ ในสภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ราคาตั๋วที่สูงขึ้นก็อาจจะไล่คนดูออกจากวงการนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นเลยในการไปชมภาพยนตร์ให้เสียเงินราคาแพงๆเลย

รวมไปถึงมุมมองที่โรงภาพยนตร์เลือกจะเอาอกเอาใจคนมีเงินมากกว่าคนที่ซื้อตั๋วไปชมในราคาทั่วไป ที่ในขณะนี้กำลังเผชิญหน้าทั้งปัญหาโดน lay off งานบางคนต้องรัดเข็มขัดเพื่ออยู่รอดในเดือนต่อไป โดยเอไลจาห์ วูด (Elijah Wood) ได้ Tweet รุนแรงถึงนโยบายใหม่ของ AMC ด้วยอาการหัวเสียว่า

Cinema เป็นพื้นที่สาธารณะที่สำคัญสำหรับทุกคนตลอดเวลาที่ผ่านมา การริเริ่มนโยบายใหม่โดย Cinema เอเอ็มซีคือการลดทอนความต้องการของคนที่มีรายได้ไม่มาก และเพิ่มความต้องการให้สำหรับรายได้ที่สูงขึ้น แน่นอนมันดูเหมือนปัญหาโรงหนังกำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้

ไม่เว้นแม่กระทั้งที่ประเทศไทยที่ตัวเลขน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะพยายามมี promotion หรือให้บัตรเหมาจ่ายรายเดือนมาช่วยทำให้สถานการณ์ที่สั่นคอนนานไปดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถช่วยกอบกู้ภาวะวิกฤตนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และราคาบัตรเข้าชมก็เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่โรงหนังทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้