Friday, 3 May 2024

“อาเบะ” อดีตนายกญี่ปุ่นถูกยิง “ไร้สัญญาณชีพ” ประชาชนหวั่นซ้ำรอยปมการเมือง “เลือด” ในอดีต หรือนี้มันคือการลอบสังหารหรือไม่

ข่าวต่างประเทศ ชินโซ อาเบะ อดีตนายกญี่ปุ่นถูกยิง 2 นัด ผ่าน no vital signs “ไร้สัญญาณชีพ” ประชาชนหวั่นซ้ำรอยปมการเมือง “เลือด” ในอดีต หรือนี้มันคือการลอบสังหารหรือไม่ ส่วนคนร้ายที่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุนั้นถูกตำรวจจับกุมตัวแล้วพร้อมกับตั้งข้อหา “พยายามฆ่า”

สล็อต xo Slotxo

อดีตนายกญี่ปุ่นถูกยิง 2 นัด ส่วนคนร้ายถูกจับตัวแล้วพร้อมข้อหา “พยายามฆ่า”

อดีตนายกญี่ปุ่นถูกยิง-2 นัด

“ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่น ผู้ที่เรียกได้ว่าครอบครองตำแหน่งได้นานมากที่สุดอีกคนในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเขาคือคนที่ประวัติศาสตร์ทางด้านการเมืองนั้นต้องยอมรับ และเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 8 กรกฎาคม 2022 มีรายงานข่าวออกมาว่าเขาถูกยิงจากทางด้านหลัง ในช่วงที่เขานั้นกำลังช่วยหาเสียงแก่ผู้สมัครเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่เมืองนารา จากรายงานข่าวนั้นบอกว่ากระสุน 2 นัด จากผู้ไม่ประสงค์ดีนั้นมาจากทางด้านหลัง ส่งผลให้มีเลือดไหลออกจากบริเวณหน้าอกปริมาณมากและเขานั้นก็ได้ล้มลงกับพื้น ในระยะเวลาไม่นานเขาก็ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที และในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่มาทำการปฐมพยาบาลเบื้อต้นพบว่า “อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น” สัญญาณชีพจรของเขานั้นได้หยุดเต้นแล้ว หลังจากที่เขานั้นถูกยิง (no vital signs) ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าควบคุมตัวชายปริศนาคนหนึ่ง เข้ามาสอบปากคำหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมตั้งข้อหา “พยายามฆ่า”

“ชินโซ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ค่อนข้างจะสะเทือนขวัญประชาชนคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากนญี่ปุ่นคือหนึ่งประเทศที่เจริญ ที่มีสถิติปัญหาอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีสถานะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเคยติดตามข่าวสารนั้นจะพบว่าในอดีตนั้นก็เคยมีเหตุการณ์ “ลอบสังหาร” ปมการเมืองเกิดขึ้นเช่นกันที่ประเทศญี่ปุ่น

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเหตุ “ฆาตกรรม” นักการเมืองคนสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงหนักเอาการ ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนั้นคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจในอุดมการณ์ทางการเมืองที่มีความแตกต่างกัน

ในวันที่ 12 ตุลาคม 1960 “อิเนจิโร อาซานุมะ” หัวหน้าพรรค Japan Socialist Party ถูกวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่เขานั้นมีชื่อว่า “โอโตยะ ยามากุจิ” แทงด้วยดาบซามูไร และเขานั้นก็มีอายุเพียงแค่ 17 ปี เหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นบนเวที “ดีเบตนโยบาย” ที่จัดขึ้นตรงอาคารฮิบิยะในกรุงโตเกียว ส่วนภาพและวิดีโอเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ถูกสื่อบันทึกเก็บเอาไว้ได้หมด ส่วนปมสาเหตุที่ทำให้ความรุนแรงการลอบสังหารหวังให้เสียชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นนั้นน่าจะมาจาก ในยุคนั้นมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ให้การสนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวา ส่งเสริมอุดมการณ์ชาตินิยม และต้องการเพิ่มพูนความยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นหลังจากพ่ายแพ้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ “อาซานุมะ” เขานั้นสนับสนุน “นโยบาย” ในทางกลับกันกลับกลุ่มคนดังกล่าว แถมผู้สนับสนุนอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายในญี่ปุ่นก็ถูกวางแผนทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเกิดเหตุกับอาซานุมะ

อดีตนายกญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิต

ส่วนอีกหนึ่งเหตุการณ์รุนแรงนั้นก็คือเหตุการณ์ “คว้านท้อง” เมื่อปี 1970 ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้ที่สร้างเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นก็คือ “ยูกิโอะ มิชิมะ” เหตุการณ์ที่เขาสร้างขึ้นมานั้นทำให้ได้รับฉายาว่า “ซามูไรคนสุดท้าย” ย้อนกลับไปในปี 1970 ยูกิโอะ มิชิมะ ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดพิธีเปิดประชุมรัฐสภาและเขานั้นก็ได้ทำเรื่องที่ไม่คาดคิดกระโดดขึ้นไปกล่าว “สุนทรพจน์” พร้อมโปรยใบประกาศเรียกร้องให้ทหารและผู้สนับสนุนแนวคิดชาตินิยมลุกขึ้นมาสู้และก่อรัฐประหาร เหตุจูงใจนั้นมาจากที่เขาไม่พอใจที่กองทัพญี่ปุ่นถูกลดสถานะเหลือเพียง “กองกำลังป้องกันตนเอง” หลังจากแพ้สงคราม แน่นอนหลังจากกล่าวทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็ทำการจบชีวิตด้วยการนำมีดมา “คว้านท้อง” ของตัวเองเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ให้ทุกคนได้เห็น