เตือน!! อย่าเผยแพร่ภาพผู้ตาย “ออกไป” สู่สาธารณชนถ้า “ไม่อยาก” เสียเงินจำนวนมหาศาลอย่างเหตุการณ์ของ ภรรยาโคบี ไบรอันต์ ข่าวต่างประเทศ อดีตนักบาส NBA – National Basketball Association ที่ตายเพราะเฮลิคอปเตอร์ตก เธอได้ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้เผยแพร่ภาพที่เกิดเหตุจนทำให้กระทบกระเทือนจิตใจคนในครอบครัว
อย่าเผยแพร่ภาพผู้ตาย “ต่อ” กรณีศึกษา ภรรยาโคบี ไบรอันต์ ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐเผยแพร่ภาพที่เกิดเหตุ
ถ้าพูดถึงความเป็นจริงทั่วโลกการเผยแพร่รูปภาพหรือเก็บบันทึกภาพของผู้เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ สามารถทำได้เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการทำคดี แน่นอนว่ารูปภาพเหล่านั้นมันเป็นรูปภาพลับที่จะมีแค่เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะมีมันเอาไว้ในครอบครอง และโอกาสที่มันจะหลุดออกมาข้างนอกก็มีมากถ้าหากคนในนั้นส่งต่อมันออกมาให้บุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง
และมันก็จะหลุดออกมาให้ทุกคนที่ใช้โซเชียลมีเดียนั้นได้เห็น พร้อมกันส่งผลกระทบต่อจิตมจของคนในครอบครัวที่คือผู้ตาย อย่างเช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ “โคบี ไบรอันต์” ที่เมื่อล่าสุดคำพิพากษาของศาลอเมริกันนั้นตัดสินใจ วาเนสซา ไบรอันต์ ภรรยา โคบี ไบรอันต์ ได้รับเงินเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ที่ได้ปล่อยปะละเลยจนทำให้ภาพของสามี วาเนสซา ไบรอันต์ นั้นถูกเผยแพร่ออกมาว่อนโซเชียล เชื่อว่าข่าวนี้เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา หลายคนนั้นคงยังจำกันได้ถึงเหตุการณ์เศร้าที่ Kobe Bryant อดีต basketball player ทีม LA Lakers ในสหรัฐอเมริกา ที่จากโลกนี้ไปพร้อมกัยลูกสาวบน helicopter ที่ตกอยู่ เมือง calabasas รัฐ California
แต่ชื่อว่าหลายคนนั้นไม่ทราบข่าวว่า วาเนสซา ไบรอันต์ ภรรยาของเขานั้นได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อศาล เรียกเงินเยียวยาเงินเพื่อดูแลจิตใจ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่ภาพของสามีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุนั้นหลุดออกมาสู่โซเชียลมีเดีย และเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ศาลมีคำพิพากษาคำร้องขอคำนี้แล้วว่า
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นชดใช้เงินให้กับ Vanessa Bryant ภรรยาของ Kobe Bryant เป็นเงินจำนวน 28 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 952 ล้านบาทไทย) โดยให้แบ่งเป็นเงินชดใช้ให้ครอบครัวของเขานั้นเป็นเงินจำนวน 15 ล้านดอลลาร์ (ราว 510 ล้านบาท) ซึ่ง Vanessa ประกาศว่าจะนำเงินทั้งหมดไปมอบให้องค์กรการกุศลด้านกีฬาและเยาวชน
โดยเธอนั้นตั้งใจนำเงินจำนวนนี้ทำบุญให้แก่สามีและลูกสาวที่จากไป ส่วนเงินที่เหลือจากนั้นจะนำมาใช้ในการดำเนินคดีทางกฎหมายที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ส่วนจำเลยที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวนี้ก็คือ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานนายอำเภอและพนักงานหน่วยฉุกเฉินที่เข้าไปถึงที่พื้นที่เขาและลูกสาวนั้นเสียชีวิตเป็นคนแรก เพราะทั้งสองคนได้ถ่ายภาพศพผู้เสียชีวิตเอาไว้
และในเวลาไม่นานรูปภาพบางรูปที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็ถูกนำมาเผยแพร่สู่สายตาผู้คนบนโซเชียลมีเดีย ดังนั้น Vanessa และครอบครัวที่มีผู้สูญเสียบน Helicopter เลยจับมือกันเดินหน้ายื่นเรื่องฟ้องร้องหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย โดยให้ข้อมูลว่าครอบครัวของพวกเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจ
เพราะกลัวว่ารูปภาพดังกล่าวนั้นอาจจะถูกนำมาแชร์ต่อเนื่องอย่างไม่มีวันหยุดเรื่อยๆไป และพวกเขานั้นต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้ตายผู้ที่เป็นที่รักของพวกเจาด้วย ทนายของ Vanessa บอกเอาไว้ว่าการถ่ายซาก Helicopter ในที่เกิดเหตุเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้ แต่เรื่องที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้นั้นก็คือ พวกเขาไม่ทำตามคำของขอ Vanessa
ที่ร้องขอบอกว่าอย่าให้รูปภาพที่ถูกบันทึกเอาไว้เผยแพร่ออกมา ซึ่งคำข้อร้องของเธอนั้นก็สูญเปล่าเพราะสุดท้ายคำรูปของสามีเธอก็หลุดออกมาให้ทุกสายตาบนโซเชียลมีเดียได้เห็น มันเลยทำให้ Vanessa รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพสามีของเธอไปเพื่อทำให้ในสิ่งที่เขาต้องการตามความพอใจเหมือนเป็นที่ระลึกในการทำงาน
เพราะทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนเก็บหลักฐานในการไปทำคดี และมีพยานจำนวนหนึ่งให้ข้อมูลที่เป็นเหตุจูงใจในคดีนี้ว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนั้นได้นำรูปภาพสามีของเธอไปเผยแพร่ให้บุคคลที่ 3-4-5 ดูในตอนที่สังสรรค์อยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายจึงขอเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อยุติการฟ้องร้อง
เรื่องราวนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาพูดถึงเป็นอย่างมากบนโลกออนไลน์ของชาวอเมริกัน ซึ่งคนบางกลุ่มนั้นบอกว่าผู้เสียชีวิตนั้นควรได้รับสิทธิที่ส่วนบุคคลที่แม้ตายไปแล้วก็ควรจะได้รับ เพราะรูปภาพหรือข้อมูลต่างๆนั้นอาจจะทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ
ส่วนคนบางกลุ่มนั้นก็บอกว่าเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดนั้นควรนำเงินส่วนตัวของพวกเขาเองมาชดใช้ให้ผู้เสียหาย เพราะพวกเขานั้นเป็นคนทำความผิด ไม่ควรนำเงินภาษีของประชาคนหลายๆคนมาจ่าย และบางกลุ่มก็บอกว่าคดีนี้ผ่านไปได้ด้วยดีได้รับเงินชดใช้เพราะคือคดีของคนดัง มันไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ทั้งที่จริงมีประชาชนอีกมากที่เสียชีวิตและถูกละเมิดแบบเดียวกัน
ถ้าเปรียบเทียบเหตุการณ์ดังกล่าวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรานั้นก็มีความเหมือนไม่น้อย เพราะถ้ามองจากการรายงานข่าวอุบัติเหตุหรืออาชญากรรมส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้น ถ้าหากไม่นับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว ผู้ที่สามารถให้ข้อมูล เช่น รูป วีดีโอ นั้นก็คือเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครซึ่งเป็นผู้เข้าถึงที่เกิดเหตุรายแรกๆ
และมีอยู่จำนวนมากมายหลายเคสที่รูปผู้ตายนั้นถูกนำมาเผยแพร่ให้ชาวเน็ตได้ดู จนมันเกิดกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกถามถึงความเหมาะสมหรือไม่เป็นประจำ และเมื่อปี 2009 ก็เคยมีเหตุการณ์ที่วารสารเจ้าใหญ่เจ้าดังเผยแพร่ข่าว ได้นำรูปภาพของ David Carradine ที่เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งที่บ้านเรา
David Carradine คือดาราคนดังฝรั่งตาน้ำข้าวที่มีผลงานการแสดงสุดแสนโด่งดังที่มีชื่อเรื่องว่า ‘Kill Bill’ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยในเหตุการณ์มีคนบันทึกภาพที่ David Carradine ในห้องพักเอาไว้ได้ และหลังจากนั้นไม่นานรูปดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ออกมาและมันก็ไปถึงมือของสื่อ
สุดท้ายมันก็กลายเป็นภาพข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสื่อพิมพ์ชื่อดังของประเทศไทย แน่นอนว่าภาพดังกล่าวนั้นมันส่งผลกระทบด้านต่างๆไปถึงครอบครัวของ David Carradine ก่อนที่พวกเขานั้นจะประกาศว่าจะฟ้องร้องผู้ที่นำรูปภาพดังกล่าวออกมาเปิดเผย ก่อนจะมีการพูดคุยกละทำข้อตกลงและยุติคดีในหลายเดือนต่อมา
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่สามารถสร้างบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ให้คนไทยได้จำจำมากเท่าไหร่ เพราะในยุคสมัยนี้ที่การใช้อินเทอร์เน็ตกันจนเป็นรื่องธรรมดา ที่นำรูปภาพของคนตายมาเผยแพร่อย่างแพร่หลายจนกลายเป็นเรื่องปกติ นั้นควรได้รับบทเรียนว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรทำ เพราะทั้งเรื่องที่ควรจะเป็นและเรื่องของกฎหมายไม่ว่าจะคนเป็นหรือคนตายต่างก็ควรได้รับสิทธิเหมือนกัน
สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์