“เชิดชูความบริสุทธิ์” ค่านิยมสุดเพี้ยน!!?ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมอนุรักษนิยมของประเทศอิหร่าน ทำให้หญิงสาวหลายๆคนสูญเสียความมั่นใจ

เชิดชูความบริสุทธิ์ ทำให้หญิงสาวชาวอิหร่านต้องขอใบรับรอง “พรหมจรรย์” มายื่นให้สามีดูก่อนแต่งงาน ข่าวนี่คือค่านิยมสุดเพี้ยน!!?ที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมอนุรักษนิยมของประเทศอิหร่าน ที่ทำให้หญิงสาวหลายๆคนสูญเสียความมั่นใจ แม้ว่า World Health Organization จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะมันละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ครอบครัวของชายบางคนนั้นก็ยังยืนยันที่ทำแบบนั้นต่อไป

ใครมีแฟนเป็นคนชนชาตินี้! เชิดชูความบริสุทธิ์ ที่ทำให้สาวชาวอิหร่านต้องขอใบรับรอง “พรหมจรรย์” ก่อนแต่งงาน 

ที่อิหร่าน “ความบริสุทธิ์” ของสาวๆนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่สาวๆควรจะมีก่อนที่จะแต่งงาน แน่นอนว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญสำหรับสาวๆหลายๆคนทั่วโลก แม้บางคนนั้นจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับบางครอบครัวที่อยู่ในประเทศนี้นั้นก็ร้องเรียกให้สาวๆส่วนใหญ่นั้นโชว์ “ใบรับรองพรหมจรรย์” แม้ว่าทาง World Health Organization จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะมันละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ครอบครัวของชายบางคนนั้นก็ยังยืนยันที่ทำแบบนั้นต่อไป แต่ในปัจจุบันมีหลายฝ่ายออกมาต่อต้านไม่ให้กระทำเช่นนี้เพิ่มขึ้น

คุณหลอกผมมาแต่งงานด้วย ว่าคุณนั้นบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้วคุณนั้นไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ไม่มีใครอยากแต่งงานกับคุณหรอกถ้าหากว่าผู้ชายพวกนั้นเขารู้ความจริง นี่คือสิ่งที่สามีของหญิงสาวคนหนึ่งต่อว่าเธอหลังจากที่พวกเขามีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรก ไม่ว่าเธอนั้นจะพูดและจะยืนยันยังไงสามีของเธอนั้นก็ยังไม่เชื่อ ว่าเธอนั้นไม่เคยร่วมกิจกรรมทางเพศที่ชายหญิงทำกันมาก่อนที่เธอจะพบกับเขา แม้ว่าเลือดของเธอนั้นจะไม่ได้ออกมาระหว่างที่พวกเขามีอะไรกันเป็นครั้งแรกก็ตาม และไม่ว่าจะทำยังไงพูดยังไงสามีของเธอก็ยังไม่เชื่อ แถมยังสังให้เธอนั้นไปขอ “ใบรับรองพรหมจรรย์” มายืนยันความบริสุทธิ์ให้เขาดูอีกด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดพิสดารอะไรมากมายที่อิหร่าน เพราะผู้หญิงส่วนมากที่ได้รับการหมั้นหมายแล้ว จะต้องไปให้แพทย์ตรวจภายในเพื่อรับรองว่าพวกเธอไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน

World Health Organization นั้นให้ความเห็นว่าการตรวจหา “พรหมจรรย์” ไม่มีความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์เลยสักนิด เพราะว่าในใบรับรองของหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเขียนเอาไว้ว่า “เยื่อพรหมจารี” ของเธอเป็นประเภทที่มีความ “ยืดหยุ่น” จึงทำให้เธอไม่มีเลือดไหลออกมาในขณะที่มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่

“เรื่องพวกนี้นั้นมันทำร้ายฉันมากๆทั้งๆที่ฉันนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่สามีของฉันนั้นกลับเอาแต่ต่อว่าและดูถูกฉันซ่ำๆ หญิงคนดังกล่าวพูดพร้อมทั้งน้ำตา พร้อมบอกฉันเริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ฉันก็เลยกินยาเพื่อหวังฆ่าตัวตาย แต่โชคยังเข้าข้างเธอเพราะมีคนเข้ามาเจอแล้วส่งตัวเธอไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างทันเวลา และฉันก็จะไม่มีวันลืมช่วงเวลาอันย่ำแย่นั้นเด็ดขาด ที่ส่งผลทำให้ฉันนั้นน้ำหนักลดลงไป 20 กก.”

กระแสต่อต้านที่เพิ่มขึ้น เรื่องราวของหญิงสาวคนดังกล่าวที่เราเล่ามานั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงกับหญิงสาวหลายๆคนที่อิหร่าน เพราะการเป็นสาวที่ไร้มลทินก่อนแต่งงานนั้นหลายๆคนยังมองว่ามันคือสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับผู้หญิงและสำหรับครอบครัวของพวกเธอและสามี เนื่องจากว่ามันคือค่านิยมที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมอนุรักษนิยมของประเทศนี้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ผู้หยิงและผู้ชายทั่วประเทศนั้นต่างเริ่มออกมาทักท้วงให้ยุติการตรวจที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบนี้

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้นได้มีคนยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกตรวจหา “เยื้อพรหมจรรย์” หญิงสาวก่อนแต่งงานผ่านช่องทางออนไลน์ของการยื่นเรื่องนี้ครั้งนี้นั้นมีผู้เข้าไปร่วมลงนามสนับสนุนเกือบ 25,000 คนภายในเวลาเพียง 1 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ชาวอิหร่านจำนวนมากออกมาต่อต้านประเด็นนี้อย่างเปิดเผย หลายๆคนนั้นเปิดใจบอกว่า

มันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แถมยังสร้างเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ เนื่องจากว่าตอนที่เธออายุ 17 เธอได้สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับแฟนหนุ่มของเธอในตอนที่ยังเป็นนักศึกษา และฉันก็รู้สึกกลัวมากว่าครอบครัวจะรู้เรื่องนี้ จนฉันนั้นได้ตัดสินใจเข้ารับการซ่อมแซมเยื่อพรหมจารี ซึ่งก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนที่อยากจะรับทำ แม้ว่ามันจะไม่ได้ผิดกฎหมายสามารถทำได้ เพียงแต่มันอันตรายในสังคม ดังนั้นโรงพยาบาลที่รับทำส่วนใหญ่ก็จะมีราคาที่แพงแสนแพงเพราะหายาก และฉันนั้นก็ต้องขายทุกอย่างที่มี เช่น เครื่องประดับ มือถือ อีกทั้งยังต้องเซ็นเอกสารที่ระบุว่าจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบในทุกกรณีหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ฉันต้องใช้เวลาหลานอาทิตย์มากในการพักฟื้นร่างกาย แต่ก็ต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด

สุดท้ายความพยายามของเธอนั้นก็เสียเปล่า เพราะ 1 ปีต่อมาเธอได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งและได้ตกลงเป็นแฟนกัน และในระหว่างที่พวกเขานั้นมีเพศสัมพันธ์กัน เลือดของเธอนั้นกลับไม่ไหลออกมา นั้นแปลว่าการตกแต่งเยื่อพรหมจารีมันไม่ได้ผล แถมแฟนของเธอนั้นยังต่อว่าเธอว่าหลอกเขาให้มาแต่งงานด้วย พร้อมบอกว่าฉันเป็นคนขี้โกหกแล้วก็ทิ้งฉันไป

แม้ World Health Organization จะบอกว่าการตรวจพรหมจรรย์บอกว่าไม่ดีอย่าไงก็ไม่ได้ผล เพราะหลายๆประเทศนั้นยังทำเรื่องแบบนี้อยู่ เช่น อินโดนีเซีย อิรัก และตุรกี องค์กรแพทย์แห่งที่ประเทศนี้บอกว่า จะทำการเช็คพรหมจรรย์ให้แก่บางคนที่จำเป็นจะต้องใช้เท่านั้น เช่นเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีหรือคนที่อ้างว่าถูกข่มขืน แต่ในความเป็นจริงคือ ใบรับรองพรหมจรรย์นั้นถูกขอก่อนที่จะแต่งงานเสมอ และผู้คนเหล่านั้นก็เลือกไปใช้บริการคลินิกเอกชน เพื่อให้ออกใบรับรองที่บอกว่าหญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะยังบริสุทธิ์อยู่ ซึ่งเอกสารที่ว่ามานี้จะประกอบไป

• ชื่อเต็มของผู้หญิง
• ชื่อบิดาของเธอ
• บัตรประจำตัวประชาชน
• รูปถ่ายในบางกรณี
• การบรรยายสภาพของเยื่อพรหมจารี
• พร้อมกับข้อความรับรอง
• จะต้องมีพยายานเซ็นรับรอง 2 คน “ตามปกติมักเป็นมารดา”