Saturday, 18 May 2024

รู้หรือไม่!! AI รู้เชื้อชาติคนได้ จากแผ่นภาพผลเอ็กซ์เรย์เพียงเท่านั้น!!สุดน่าทึ่ง

AI รู้เชื้อชาติคนได้ จากการดูผลเอ็กซ์เรย์ ในขณะที่นักวิจัยยัง “คิดไม่ถึง” ว่ามันทำได้ยังไง แถมเรื่องราวนี้ยังถูกเผยแพร่โดยสื่อข่าวต่างประเทศ The Lancet Digital Health อีกด้วยเมื่อกลางปี 2022 ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ บอกเลยเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้นั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก!

สล็อต xo Slotxo

AI รู้เชื้อชาติคนได้ จากการดูผลเอ็กซ์เรย์ในขณะที่นักวิจัยยัง “งง” ว่ามันทำได้ยังไง

AI รู้เชื้อชาติคนได้-จากการดูผลเอ็กซ์เรย์

ทุกวันนี้กระแสเห่อวิวัฒนาการใหม่ๆของ AI ที่สามารถเข้าถึงทั้งคอมพิวเตอร์และฐานข้อมูลที่จะนำไปสู่พัฒนา AI ที่กว้างขึ้นนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนที่สนุกสนาน เพราะมันสามารถทำสิ่งแปลกใหม่ในการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่ายิ่งไอเดียบรรเจิดไปไกลมากเท่าไหร่จินตนาการที่คาดหวังเอาไว้ ก็ยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่นเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ ที่นักศึกษาจาก Massachusetts Institute of Technology: MIT ได้ทำการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับ เชื้อชาติของคนว่า AI สามารถรับรู้ได้หรือไม่ถ้าหากว่าเราไม่นำข้อมูลในเรื่องเชื้อชาติเข้าไปให้มัน

ผลที่ออกมาจากการทดลองในครั้งนี้นั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ทำให้หลายๆคนนั้นแปลกใจ เพราะว่า “ผลเอกซเรย์”  นั้นคือสิ่งที่สามารถบ่งบอกได้ว่ามนุษย์แต่ละคนนั้นมีเชื้อชาติอะไร และเมื่อนักศึกษากลุ่มนี้นั้นผลการทดลองที่พวกเขาทำออกมาได้ไปให้อาจารย์ดูอาจารย์เองก็ดูจะ “คิดไม่ถึง” ว่ามันผลมันออกมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เนื่องจากสายตามนุษย์ปกติไม่สามารถแยกแยะออกได้เลยว่ามนุษย์แต่ละคนเหมือนกันนั้นมีเชื้อชาติอะไรผ่านผลการเอกซเรย์นี้

AI ดูผลเอกซเรย์แล้วรู้เชื้อชาติคนได้

แต่พอนำการทดลองดังงกล่าวไปทดลองต่อก็พบว่ามันสามารถทำได้จริง เนื่องจากว่า AI มันสามารถคาดเดาได้แม่นยำมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และผลการทดลองในครั้งนี้นั้นก็ถูกเผยแพร่นี้โดยสื่อนิตยาสารชื่อดัง The Lancet Digital Health เมื่อกลางเดือน 2022 ที่ผ่านมา โดยอาจารย์นั้นได้นำผลการทดลองครั้งก่อนไปทดลองต่ออีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่ามันสามารถทำได้จริง แล้วก็พบว่าข้อมูลสุขภาพต่างๆ ที่ป้อนส่งเข้าไปนั้นมันไม่สามารถระบุเชื้อชาติของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน เหมือนกัน มีแผ่นเอกซเรย์เพราะมีเพียงมันที่สามารถทำได้

นักวิจัยคาดว่า AI สามารถมองเห็น “เม็ดสี” ที่อยู่ในผลเอกซเรย์ และมันมีรายละเอียดที่มากมายซ่อนอยู่ในแผ่นนี้เอกซเรย์นี้มากจนเกินกว่ามนุษย์จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ และมันก็มีเพียง AI เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้และนี่มันก็คือหนึ่งข้อสันนิฐาน แต่ถ้าว่าผลการทดลองที่ออกมาในครั้งนี้นั้นทำให้วงการแพทย์ทั่วโลก “ตกตะลึง” กันไปทั่วเมืองอย่างแน่นอน

แล้วมันช็อกจนเป็นที่ตกตะลึงยังไง?

แล้วมันช็อกจนเป็นที่ตกตะลึงยังไง?

คือข้อมูลทางการแพทย์ที่มีอยู่นั้นถือว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ลับสุดๆของคนไข้  ที่เมื่อต้องเก็บเอาข้อมูลลับนี้เอาไว้นานๆ มันก็ไร้ประโยชน์ต่อสังคมโลก ดังนั้นพวกเขาเลยต้องเอาข้อมูลพวกนี้มาวิจัยและนี่คือหนึ่งในวิธีการรักษาข้อมูลส่วนตัวเอาไว้อยู่ จะมีเพียงแต่ข้อมูลที่ไม่สำคัญเท่านั้นที่ถูกนำออกมาวิจัย

การที่ AI สามารถบอกเชื้อชาติได้จากผลเอกซเรย์นั้นส่งผลให้ไม่สามารถสร้างข้อมูลที่ไม่เป็นจริงขึ้นมาได้อีกต่อไป และมันอาจส่งผลเสียไปในอนาคตได้อย่างแน่นอน และยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือการที่ AI สามารถมองเห็นเชื้อชาติของคนได้นั้นสามารถเปิดความคิดของคนที่มี “อคติ” ในการวินิจฉัยโรคได้ในอนาคต (เนื่องจากว่าแพทย์ผู้รักษาโรคกระดูกนั้นไม่ต้องดูเชื้อชาติหรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆที่ไม่จำเป็นจากผลเอกซเรย์ นั้นเป็นเพราะว่ามันอาจจะไปกระตุ้นต่อมความคิด “อคติ” ในการวินิจฉัยโรคได้)

AI รู้เชื้อชาติคนได้-สุดล้ำในยุคนี้

ความไม่สบายใจที่ว่านี้ที่กล่าวมาเมื่อตอนต้นนั้นอาจมาจากกลุ่มวิศวกรที่เป็นผู้สร้าง AI เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น เนื่องจากส่วนหมอในอเมริกานั้นไม่ได้มีความกังวล ซึ่งถ้าใครเคยอ่านตำราแพทย์ผ่านหูผ่านตามาบ้างก็จะทราบว่า “เชื้อชาติ” คือหนึ่งเหตุผลที่จะต้องเอามารวมในการวินิจฉัยโรคในการรักษา โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อหรือโรคที่มีผลจากพันธุกรรมทางสายเลือด และถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นว่าการสั่งยาให้แต่ละเชื้อชาติของแพทย์นั้นจะแตกต่างกันไปซึ่งมันไม่ใช่การ “เหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ” แต่อย่างใด แต่มันเป็นการตัดสินใจสั่งยาและสั่งให้รักษาตามสถิติที่มีออกมาผ่านผลวิจัย และที่เป็นแบบนั่นก็เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยเอง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นนั้นนำมาจากสถิติที่คนผิวสีนั้นจะแพ้ยาบางชนิดมากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ แพทย์ก็จะต้องทราบก่อนว่าเขาคือเชื้อชาติใด ถึงจะวินิจฉัยโรคและจ่ายยาตัวอื่นทดแทนให้กับพวกเขาได้

ดังนั้นความกังวลว่า AI  สามารถทราบเชื้อชาติแล้วมันจะส่งผลเสียส่งผลให้ไปกระตุ้นต่อมความคิด “อคติ” เกดขึ้นมานั้นก็อาจจะเป็นการ “คิดมาก” ไปเนื่องจากทางการแพทย์นั้นทราบกันดีอยู่แล้วว่า มนุษย์นั้นไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคน ส่วนการรักษาและการวินิจฉัยโรคตามเชื้อชาติก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ หรือแปลกไปเพราะตำราพื้นฐานทางการแพทย์ของฝั่งอเมริกานั้นเขียนเอาไว้ให้อ่านอยู่แล้ว แต่ถ้าว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้เพราะอาจจะไม่ได้ศึกษาเท่านั้นเอง