พ่อเชื่อลูกสาว 29 ตายเพราะมดตะนอยกัด ภายหลังแพทย์ออกมายันหญิงสาวตายเพราะมีเลือดออกในสมอง

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวทั่วไทย กรณี พ่อเชื่อลูกสาว วัย  29 ปี  ตายเพราะมดตะนอยกัด แล้วทำให้ร่างกายบริเวณที่มดกัดบวมช้ำ ทั้งนี้ลูกสาวยังมีอาการปวดหัวมากกว่าปกติ ก่อนจะรีบนำส่งโรงพยาบาล

พ่อเศร้าหนัก!! เชื่อลูกสาว วัย 29 ปี ตายเพราะมดตะนอยกัด แพทย์ต้องออกมาชี้มดตะนอยไม่ใช่สาเหตุ ทว่าหญิงสาวมีเลือดออกในสมองบวกกับโรคประจำตัวทำให้อาการกำเริบ

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 พ่อผู้ตายที่เชื่อว่าลูกสาว วัย 29 ปี ตายเพราะมดตะนอยกัด ล่าสุดได้นำร่างไร้วิญญาณของลูกสาวของจากโรงพยาบาล เพื่อนำร่างนั้นมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดหนองปรือ ต.สระแก้ว อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี  ท่ามกลางความเสียใจของคอรบครัวและบรรดาญาติมิตร

นายสมเดช สนธิเณร วัย 67 ปีพ่อผู้เสียชีวิต ได้ออกมาเล่าว่า น.ส.รัชดา อายุ 29 ปี ผู้เป็นลูกสาวปกติทำงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของอบต.พลับพลาไชย อำเภออู่ทอง โดยทำงานเป็นตำแหน่งแม่บ้าน ย้อนกลับไปที่วันที่ 5 ก.ย. 64 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของลูกสาว ดังนั้นลูกสาวจึงได้อยู่บ้านช่วยเลี้ยงหลานสาว 1 ขวบ ที่เป็นลูกของพี่ชายและได้พากันเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้าน ขณะเล่นกันอยู่นั้นลูกสาวของตนก็โดนมดตะนอยตัวสีดำกัดที่ข้อพับ และได้จัดการฆ่ามดตัวดังกล่าวแล้ว สักพักบริเวณที่ถูกกัดก็เป็นผื่นแดงนูนขึ้นๆ ลูกสาวจึงรีบหายามาทาบริเวณนั้น เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น(5 ก.ย. 64) ลูกสาวบอกตนว่ารู้สึกปวดหัวมากๆ ตนจึงเอายาพาราเซตามอลมาให้กิน หวังจะให้ช่วยลดอาการปวดหัวลงได้เป็นจำนวน 2 เม็ด

หลังจากนั้นลูกสาวและครอบครัวของตนก็นั่งทานข้าวเย็นด้วยกันเสร็แล้วก็แยกย้ายกันไปนอน ผ่านไปสักประมาณ 5 นาที ภรรยาของตนก็ไปส่องดูลูกสาวเห็นนอนนิ่งผิดปกติ จึงเรียกชื่อแต่ไม่มีการตื่นขึ้น ทีนี้ปลุกถึงตัวปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ตนและภรรยาก็รีบพากันนำลูกสาวส่งไปที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็เข็นลูกสาวเข้าห้องฉุกเฉินและได้ทำการตรวจเอ็กซเรย์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาลูกสาวเข้าไปพักในห้องเพื่อดูอาการอย่าใกล้ชิด ตนไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ที่ระบาดกระจายอย่างหนัก โรงพยาบาลให้ตนได้แต่รอฟังข่าวอยู่ด้านนอกไม่สามารถไปนอนเฝ้าลูกได้ จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานมาช่วงประมาณ 05.00 น. (6 ก.ย. 64) ตนได้รับข่าวร้ายจากเจ้าหน้าที่ว่าลูกสาวได้เสียชีวิตลงแล้ว ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ลูกสาวไม่น่าจากไปเร็วเกินไป

นายสมเดช พ่อผู้ตายได้กล่าวต่อไปอีกว่า แพทย์ได้ออกมาบอกว่า ลูกสาวของตนที่ตายเกิดจาก เส้นเลือดที่อยู่ในก้านสมองแตก ทำให้หมอไม่สามารถรักษาอาการที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา พ่อยังบอกด้วยว่าลูกสาวนั้นเป็นคนอ้วนน้ำเกือบจะถึง 100 กิโลกรัม และมีโรคความดันเป็นโรคประจำตัว และตนเชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกสาวในครั้งนี้สาเหตุเกิดมาจากมดตะนอยกัด

ทั้งนี้ พ่อผู้เสียชีวิตยังฝากเตือนต่อเพื่อนบ้านทุกๆท่านว่าสำหรับใครที่มีบ้านชั้นเดียวที่มีพื้นบ้านติดพื้นดินให้ระมัดระวังสัตว์พิษทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น งู แมลงป่อง ตะขาบ และมดตะนอย สัตว์แม้จะตัวเล็กก็ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์  ผอ.โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช ได้ออกมาพูดถึงกรณีผู้ป่วยสาวที่ถูกมดตะนอยกัดไว้ว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง และยังมีโรคเบาหวาน ก่อนหน้าได้มีการมารักษาที่โรงพยาบาลแต่ไม่มารักษาอย่างสม่ำเสมอเท่าที่ควรจะเป็น และก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลในครั้งล่าสุดนี้ มีอาการชักเกร็งจนตัวแข็ง เพราะเนื่องมาจากมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแม้จะกินยาพาราเซตามอลก็ไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ดังนั้นเมื่อมาถึงโรงพยาบาลและได้มีการวัดความดันทำให้รู้ว่ามีความดันสูงถึง 140 ตัวบน 120 ตัวล่าง เมื่อนำผู้ป่วยเข้าเอกซเรย์จึงพบว่าผู้ป่วยมีเลือดออกในสมองและมีภาวะสมองตาย ทำให้ไม่สามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ทันเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงในที่สุด แพทย์ยังได้สันนิษฐานการตายได้ว่า ผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูง และมีเส้นเลือดแตกในสมองทำให้เลือดคลั่งในสมอง โดยปกติผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคความดันและโรคเบาหวาน ต้องมีการรักษาและการกินยาอย่างสม่ำเสมอ ถ้ารู้สึกปวดหัวมากๆกว่าปกติให้รีบทำการวัดความดันถ้าพบวัดแล้วพบความดันสูงเกิน 200 ต้องรีบพบแพทย์ ในกรณีที่ผู้ป่วยถูกมดตะนอยกัดนั้นไม่ได้มีผลกับการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นทั้งนี้ก็ยังไม่เคยพบการรายงานการเสียชีวิตจากการถูกมดตะนอยกัด ส่วนสัตว์ที่มีพิษที่จะทำให้สียชีวิตลงได้ คือ ผึ้ง ตัวต่อ ตะขาบ แมลงป่อง เพราะสัตว์เหล่านี้เมื่อต่อยพิษของมันจะทำให้เกินอาการแพ้อย่างแรกคือ บริเวณที่ต่อยที่อาการบวมแล้วลามไปที่ตา จมูก จนทำให้ผู้ถูกสัตว์มีพิษนั้นต่อยมีอาการหายใจไม่ออกและเสียชีวิตลงได้