นักวิชาการแจงชาวเน็ต ประตูช้างเผือกไม่ใช่โบราณสถาน-เชียงใหม่ ประตูโบราณพังนานแล้ว

ล่าสุด ข่าวทั่วไทย รายงานกรณี ประตูช้างเผือกไม่ใช่โบราณสถาน-เชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเปิดเผยภพการพังทลายลงมา ทำให้หลายคนก็ต่างตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความจริงประตูเก่าพังนานแล้ว ที่พังนี่คือสร้างขึ้นใหม่

นักวิชาการแจงชาวเน็ต ประตูช้างเผือกไม่ใช่โบราณสถาน-เชียงใหม่ เป็นเพียงสิ่งที่สร้างมาใหม่ เพราะของจริงประตูตั้งแต่โบราณพังทลายไปนานมากแล้ว

ประตูช้างเผือกไม่ใช่โบราณสถาน-เชียงใหม่ นักวิชาการออกมายันว่า “ประตูช้างเผือก” ยันไม่ใช่โบราณสถานอย่างแน่นอน เพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำขึ้นมาใหม่เท่านั้น ความจริงแล้วประตูที่เป็นโบราณสถานตัวจริงนั้นพังทลายหมดสิ้นไปนานแล้ว หากครั้งนี้คิดจะก่อบูรณะอีกครั้งคาดว่าจะทำให้สูญงบประมาณไปเปล่าๆ

ในวันที่ 26 กันยายน 2565 สืบเนื่องมาจากเมื่อวานนี้มีการรายงาน ดินที่อยู่บริเวณกำแพงของ “ประตูช้างเผือก” อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยเหตุการณ์พังทลายของประตูที่ใครหลายคนคิดว่านี่คือ ประตูที่เป็นโบราณสถานของเมือง พังลงเพราะหลายวันมานี่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้กำแพงในบางส่วนพังเสียหายไปด้วย

ต่อมาทางงด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ สุรพล ดำริห์กุล อดีตอาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประตูช้างเผือกที่มีการพังทลายลงมาผ่านทางบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยได้กล่าวว่าประตูช้างเผือกนั้นไม่ใช่ “โบราณสถาน” เพราะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ซึ่งเกิดมาจากทัศนอุจาดบนที่ดินโบราณสถาน โดยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในเมื่อวาน(25ก.ย.65) ส่งผลให้ประตูช้างเผือกแห่งเมืองเชียงใหม่พังทลายลงมาท่ามกลางความตกใจ โดยชาวเชียงใหม่หลายคนคงเสียใจกับเรื่องนี้ แต่สำหรับศาสตราจารย์เกียรติคุณ ได้บอกความรู้สึกส่วนตัวว่า “พังทลายลงได้เสียก็ดี” และมองว่าเป็นเรื่องที่โชคดีเสียด้วยซ้ำ

สิ่งที่บอกว่าพังได้ก็ดีแล้ว เนื่องจากต้องการให้ทุกคนรู้ได้แล้วว่าประตูช้างเผือกคือสิ่งที่ปลอมแปลงขึ้นมาเท่านั้น..มีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ แทบการออกแบบนั้นมันก็ช่างดูน่าเกลียดมากด้วย มันไม่ใช่ตามแบบแผนการสร้างประตูแบบสากลเขาทำกัน มันเป็นสิ่งที่เมื่อต่างชาติมาเห็นแล้วมองว่าเชียงใหม่เรานั้นมันกระจอก นี่คงไม่แปลกที่เราตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเนินนาน

สำหรับความเป็นจริงของประตูเมืองเชียงใหม่ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งนั้น และประตูเมืองเชียงใหม่โบราณดั้งเดิมถูกไถทลายลงจนหมดสิ้น ประตูที่ซึ่งเป็นของดังเดิมมีเหลือเพียง 2 ประตู เท่านั้น!! ได้แก่ 1.ประตูท่าแพ 2.ประตูช้างเผือก นอกจากนี้อิฐที่ใช้ก่อกำแพงเมืองเก่านั้น ได้ถูกประมูลขายไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้บ้านเมืองดูกว้างขวางมากขึ้นในช่วงกระทรวงธรรมการแล้ว

เจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองเชียงใหม่ในเวลานั้น หรือ ช่วง 80 ปีที่ผ่านมานี่ ตอนนั้นเป็นสมัยของ “สมัยนายทิม โชตนา” ได้ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรี ได้มีการออกแบบและวางแผนจัดสร้างประตูขึ้นมาใหม่ จำนวน 5 ประตู โดยการก่อสร้างนี้ไม่มีหลักฐานเก่าหลงเหลืออยู่เลยของประตูช้างเผือกโบราณ

แต่สำหรับเรื่องราวความเป็นมาของการก่อสร้าง เชื่อว่าคนเชียงใหม่คงได้ลิมเลือนลงไปหมดแล้ว และยังคงคิดว่าประตูที่พังทลายนี้มันคือ “ประตูช้างเผือก” (ประตูโบราณ/ประตูเมืองเก่า) ไม่ว่าจะสวนดอกไม้เชียงใหม่ สวนปุง คือ สถานที่เก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่ ยกเว้นเพียงแต่ “ประตูท่าแพ” โดยในปัจจุบันถูกรื้อและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายชัยยา พูนศิริวงศ์ ซึ่งได้ใส่ใจให้ออกแบบพร้อมอนุญาติให้ทางกรมศิลปากรสร้างขึ้นมาใหม่จากรูปแบบดังเดิมยึดตามการสร้างของปี พ.ศ. 2529

อย่างไรก็ตามของให้ชาวเชียงใหม่เสียใจให้ถูกต้องด้วย เพราะ “ประตูช้างเผือก” ที่พังทลายลงมานี่นั้นไม่ใช่โบราณสถานตั้งแต่ดังเดิมแต่อย่างไรเลย ยันว่ามันไม่ใช่โบราณสถานเก่าแก่ รวมไปถึง สน.ศิลปาการที่ 7 ของจัวหวัดเชียงใหม่ แต่ถ้าหากคิดจะมีการบูรณะประตูทางช้างเผือกตามรูปแบบเก่า มันพลอยจะทำให้เสียงบประมาณแผ่นดินมาก เพราะความจริงมันก็ไม่ใช่โบราณสถานจริงๆ

ณ หอจดหมายแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร บันทึกภาพประตูเมืองเก่าเอาไว้อยู่ มันคงจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทางกรมศิลปากรอาจจะต้องมีการร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเมืองเชียงใหม่ เพื่อกระทำสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็นไปอีกครั้ง อาทิ การก่อสร้างประตูท่าแพตามโครงสร้างแบบเก่าดังเดิม

ทั้งนี้ทาง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ลั่นต่ออีกว่าขอให้ฝนที่กำลังจะตกถล่มเมืองเชียงใหม่พังทลายอีก 3 ประตูที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสิ่งที่อุจาดพังเสียหายไปด้วยจะยิ่งดี (เพราะมองว่าเป็นของปลอม สร้างไม่ได้มาตราฐานตามแบบโครงสร้างเดิมแต่โบราณ)

ในเวลาต่อมาศาสตราจารย์เกียรติคุณ ไม่ปล่อยให้รอนาน ได้ไปค้นหาและนำเอาภาพประตูช้างเผือก แบบดังเดิมที่เป็นโบราณสถานเก่าจริงๆมาเปิดเผยให้เราได้รับรู้และเห็นไปพร้อมกัน ประตูช้างเผือก มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ประตูหัวเวียง” มันจะเป็นภาพที่เป็นโครงสร้างต้นแบบที่เหมาะสม หากจะมีการบูรณะประตูขึ้นมาใหม่จริงๆ อย่างไรก็ตามโพสต์ของศาสตราจารย์เกียรติคุณที่กล่าวถึงเรื่องราวความเป็นมาความเป็นไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนได้ถูกแชร์เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน หวังว่าหลายคนคงจะคิดและเสียใจอย่างมีสติ