Friday, 29 March 2024

ชาวเน็ตเสียงแตก ถกสนั่น! ระหว่างน้ำใจกับสิ่งที่ถูกต้อง ยายเก็บหน่อข่า โดนแจ้งจับ!

ข่าวทั่วไทย กลายเป็นประเด็นร้อนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตเดือดถกกันจนปวดหัว กรณี ยายเก็บหน่อข่า ซึ่งยายคิดว่าตัวเองไม่ผิด เพราะคิดว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้น คือ พื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล ทว่าคู่กรณีได้ไปเห็นโต้ถียงกันจนฝ่านั้นไปแจ้งจับ

สล็อต xo Slotxo

ยายเก็บหน่อข่า 1 กำ โดนจับ! เจ้าของแจ้งความเรียกค่าเสียหา 5,000 บาท ไกล่เกลี่ยไม่ลงรอย เรื่องนี้ชาวเน็ตวิจารณ์ให้แซด พยายามมองเป็นกลาง 2 มุม

ยายเก็บหน่อข่า 1 กำ วัย 70 ปี โดนจับ! เจ้าของแจ้งความเรียกค่าเสียหา 5,000 บาท

แชร์ว่อนออนไลน์ ยายเก็บหน่อข่า 1 กำ เพื่อนำเอาไปประกอบอาหาร ต่อมาได้โดนแจ้งความจับทั้งยังโดนยึดรถเป็นของกลาง ข้อหาที่ถูกแจ้งคือ “ลักทรัพย์” หรือ ขโมยหน่ข่านั้นเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความมึนงงในเหล่าชาวเน็ตอย่างมาก หลังยายวอนขอความช่วยเหลือ เพราะยากจนไม่สามารถจ่ายเงินค่าเสียหายได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสกลนคร

โซเซียลถกกันมันส์ต่างคนต่างออกมาวิจารณ์ออกเป็น 2 มุมมอง เมื่อเรื่องเล็กน้อยกลายเป้นเรื่องใหญ่ถึงขั้นแจ้งความจับ ซึ่งหลายคนมองว่ามันไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั้ง ยายอายุเกินครึ่งร้อยต้องโดนจับเพราะไปขุดหน่อข่ามากิน ไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ให้อภัยกันไม่ได้ อย่างไรก็ตามชาวเน็ตบางส่วนมองวไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่คนหนึ่งหยิบไปทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ทั้งการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจฉวยโอกาสเอาไปโดยที่เจ้าของเขาไม่รู้ตัวนับว่าเป็นสิ่งไม่ถูก หากมีการแจ้งความจับก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแม้ว่าสิ่งนั้นมันจะเล็กน้อยมากก้ตาม

ในวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ บ้านนาเหมือง ดำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางฉวีวรรณ วัย 70 ปี ผุ้ต้องหาคดีขโมยหน่อข่า เจ้าตัวใช้รถจักรยานยนต์ไปที่โรงพักด้วย ทั้งนี้เพื่อนำไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ฝ่ายผู้เสียหายมาแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อมาถึง สภ.พังโคน (20 ก.ค. 65) ยายให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ยายฉวีวรรณ วัย 70 ปี ออกมากล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน 65 เดือนที่ผ่านมา เช้าวันนั้นยายไปเก็บหน่อข่า จำนวน 1 กำมือเท่านั้น เก็บมาหวังจะเอามาทำอาหาร โดยพื้นที่ที่ยายไปเก็บนั้นคือพื้นที่สาธารณะ จุดนั้นมันอยู่บริเวณใกล้บ้าน ชาวบ้านก็ไปหากินแถวนั้นเป็นประจำ

จุดที่มีหน่อข่ามีถนนกั้นอีกฝั่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และอีกฝั่งเป็นพื้นที่มีโฉนด อย่างไรก็ตามยายยันว่าเก็บหน่อข่าในพื้นที่สาธารณะ ขณะที่เก็บอยู่นั้นมีคนโทรเข้ามาเพื่อแจ้งว่า คนที่เป็นคู่กรณียายขี่รถผ่านมาเห็นยายเก็บหน่อข่า จากนั้นไม่นานยายกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้าน ทำให้ได้ปะหน้ากับคู่กรณีทั้งสองเริ่มถกเถียงกัน ต่อมายายกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ พร้อมกับโดนยึดรถมอเตอร์ไซค์ไปเป็นของกลางในคดี ตอนนี้ยายกลัวติดคุกมาก ขอความยุติธรรมให้ยายด้วย

คู่กรณียายฉวีวรรณ คนที่ไปแจ้งความจับยาย ทั้งสองเป็นคนบ้านเดียวกัน เพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณี เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเห็นว่ายายไปเก็บเอาหน่อข่าในที่ของเพื่อนบ้าน โดยข่านั้นเขาเองได้รับซื้อเอาไว้หมดแล้ว เมื่อขี่รถผ่านไปเห็นยายเก็บหน่อข่าทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน เขาบอกว่าหน่อข่านั้นมันเป็นทรัพย์ส่วนตัว ทำให้ไปแจ้งความเพื่อเรียกค่าเสียหาย ตอกแรกไม่ได้แจ้งความแต่ยายไม่ยอมให้ค่าเสียหาย ทำให้ตัดสินใจไปดำเนินคดี

พลตำรวจเอก ภิญโญ สุทธิสาร ผู้กำกับ สภ.พังโคน

พลตำรวจเอก ภิญโญ สุทธิสาร ผู้กำกับ สภ.พังโคน ได้ออกมากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาเป้นคนกลาง เพื่อให้ทั้งสองไกล่เกลี่ยกัน ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้..เพราะไม่มีใครยอมใคร เดิมทีทั้งสองไม่ได้ถูกกันอยู่แล้ว ผู้เสียหายได้เรียกเงินกับยาย จำนวน 5,000 บาท ทางยายเองก็ยันว่าเธอเก็บหน่อข่าในพื้นที่สาธารณะ ไม่ได้ไปเก็บของใครและไม่ยินยอมที่จะจ่ายเงินให้คู่กรณี

ต่อมามีดราม่าเกิดขึ้นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกร้องเอาเงินกับผู้ต้องหา เพราะต้องการให้เรื่องมันจบๆไป ตำรวจได้แจ้งว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และคาดว่าจะเข้าใจผิดกัน..เจ้าหน้าที่สอบสวนแจ้งต่อยายฉวีวรรณ คือ “ผู้เสียหายเรียกเงิน จำนวน 5,000 บาท” โดยไม่ใช่ตำรวจเป็นคนเรียกเก็บเงินแน่นอน ส่วนรถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่ยึดเป้นของกลางได้มีการระงับทะเบียนเอาไว้ ถ้าหากยายมีเอกสารมาแสดงว่าเป็นเจ้าของมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ก็จะสามารถประกันรถออกไปได้

ผู้เสียหาย หรือ ผู้ที่แจ้งจับยายวัย 70 ปี เรียกร้องค่าเสียหาย 5,000 บาท

พลตำรวจเอก ภิญโญ เผยอีกว่า ตำรวจอยากจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างมาก อยากให้ทั้งสองจบลงด้วยดี เพราะอย่างไรก็เป็นเพื่อนบ้านกัน วันนี้(21 ก.ค. 65) ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และผู้ใหญ่บ้าน และสื่อมวลชน เดินทางมาที่โรงพัก เพื่อพูดไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าตำรวจ ตอนแรกเหมือนจะจบ แต่พูดไปคุยมาก็ทะเลาะไม่ลงรอยกันเช่นเคย

ผู้เสียหายต้องการเงินชดเชย 5,000 บาท ส่วยผู้ต้องหายันคงยันคำเดิมว่าตัวเองไม่ผิด เพราะเก็บหน่อข่าในพื้นที่สาธารณะ ส่วนเงินที่เรียกมาไม่มีจ่ายให้ฐานะทางบ้านยากจน สรุปคือตกลงกันไม่ได้ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป เรื่องนี้ต้องขึ้นศาลสู้คดีของทั้งสองฝ่าย ผู้กำกับเน้นย้ำต่อเจ้าพนักงานให้ความเป็นธรรมต่อทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา