Friday, 29 March 2024

อัศจรรย์! ร่างไร้วิญญาณ “หลวงปู่วิลาศ” ไม่พบเสียหาย หลังเกิดไฟไหม้ศาลาเก็บศพวัดโพนทอง บุรีรัมย์

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 กรณี เกิดเหตุไฟไม้ที่ศาลาเก็บศพวัดโพนทอง ซึ่งในศาลามี ร่างไร้วิญญาณ “หลวงปู่วิลาศ” หรือ อดีตพระเจ้าคณะอำเภอ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่าไม่เกิดความเสียหายแม้แต่หน่อยจึงเป็นที่อัศจรรย์ใจต่อชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เทศบาลที่มาช่วยเก็บกวาดพื้นที่ไฟไหม้

สล็อต xo Slotxo

อัศจรรย์! ร่างไร้วิญญาณ “หลวงปู่วิลาศ” อดีตพระเจ้าคณะอำเภอไม่พบการเสียหายแม้แต่ผ้าจีวร หลังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ศาลาเก็บศพวัดโพนทอง

อัศจรรย์! ร่างไร้วิญญาณ "หลวงปู่วิลาศ" อดีตพระเจ้าคณะอำเภอไม่พบการเสียหายแม้แต่ผ้าจีวร หลังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ศาลาเก็บศพวัดโพนทอง

อัศจรรย์! ร่างไร้วิญญาณ “หลวงปู่วิลาศ” หรือ พระครูวิลาศธรรมคุณ ที่อยู่ในศาลาเก็บศพวัดโพนทอง ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในตำบลพุทไธสง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนเจ้าหน้าที่เทศบาลและชาวบ้านจะเร่งเดินทางเข้าไปในวัด เพื่อไปช่วยเก็บกวาดศาลาที่เกิดไฟไหม้ และได้ช่วยกันย้ายร่างหลวงปู่วิลาศ ที่ไม่ได้รับความเสียหายกับเพลิงไหม้ในครั้งนี้ด้วยเลย จะเสียหายก็แค่เพียงโรงเย็นที่ใช้บรรจุร่างหลวงปู่ ชาวบ้านได้ย้ายร่างปู่ไปพักชั่วคราวที่ศาลารับรองภายในวัด

เมื่อชาบบ้านได้ช่วยย้ายร่างหลวงปู่วิลาศไปพักที่ศาลาช่วยคราวแล้ว ขณะเดียวกัน พระครูประดิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดเทพประดิษฐ์ ที่ได้เดินทางมาเคารพร่างหลวงปู่วิลาศก็ได้มาร่วมถ่ายรูปภาพโรงเย็นบรรจุหลวงปู่เก็ไว้ด้วย แต่ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจเพราะถ่ายไม่ติด พระครูกัลยากิจวิธาณ ที่กำลังรักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนทอง ก็ได้ออกมาชี้แนะให้ขออนุญาตหลวงปู่เสียก่อน พระครูประดิษฐ์จึงได้กราบบอกกล่าวขออนุญาตหลวงปู่ตามคำแนะนำ ก่อนลงมือถ่ายภาพอีกครั้ง เมื่อเช็คดูภาพติดตามปกติแล้ว เหตุนี้อีกสร้างความอัศจรรย์เป็นสองเท่าให้กับชาวบ้านและบุคคลที่อยู่ในวัด

นายสุนันท์ พวงโต ผู้ทำหน้าที่เป็นไวยาวัจกรของวัดโพนทอง ได้เล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับหลวงปู่วิลาศบ้างว่า หลวงปู่ได้มรณภาพตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ทว่าก่อนหน้านี้หลวงปู่ได้ดำริว่าท่านได้ทำเรื่องบริจาคร่างกายไว้ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น หลวงปู่บอกเมื่อท่านมรณภาพแล้วต้องโทรแจ้งโรงพยาบาลด้วยให้มารับร่างท่าน เมื่อหลวงปู่มรณภาพมาถึงก็ได้โทรไปบอกที่โรงพยาบาลตามคำบอกเล่าของหลวงปู่ แต่โรงพยาบาลได้อ้างว่าตอนนี้อยู่ในช่วงภาวะวิกฤติโรคโควิดระบาดหนักและขอนแก่นก็จัดอยู่ในจังหวัดพื้นที่สีแดง ทางโรงพยาบาลจึงไม่สามารถเดินทางไปรับร่างหลวงปู่มาได้

เมื่อโรงพยาบาลไม่สามารถเดินทางมารับร่างหลวงปู่ได้ คณะกรรมการสงฆ์จึงได้หารือเกี่ยวกับร่างหลวงปู่ที่มรณภาพ สุดท้ายได้ลงมติกันแล้วว่าจะร่วมกันประกอบพิธีในการพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ในวันที่ 11 เดือนธันวาคม 2564 ระหว่างนี้จะเก็บร่างหลวงปู่ไว้ในโลงเย็นและตั้งเก็บไว้ในศาลา เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่มาเคารพกราบไว้

เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ของวันที่ 9 กันยายน 2564 ทำให้ศาลาที่เก็บร่างหลวงปู่วิลาศ ทำให้หลังคาและฝ้าเพดานถูกไหม้ และมากไปกว่านั้นโลงเย็นทั้ง 2 ที่นำมาวางเรียงกันเพื่อสลับสับเปลี่ยนไว้เก็บร่างหลวงปู่ โลงเย็นทั้ง 2 ก็ได้ถูกไหม้ไปด้วย แต่มีเรื่องต้องให้อัศจรรย์ใจเพราะร่างหลวงปู่ที่อยู่ในโลงไม่ได้ถูกไหม้แม้แต่จีวรที่เป็นผ้าก็ไม่ไหม้ ทั้งนี้สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้หลังจากตรวจสอบพบเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จากนั้นคณะกรรมการสงฆ์เลยได้มีการหารือกันอีกครั้งเพื่อเลื่อนการทำพิธีเพลิงศพจากกกำหนดเดิมที่จะจัดขึ้นใน 11 ธันวาคม 2564 ให้เลื่อนมาจัดพิธีเพลิงศพในเดือนกันยายน 2564 นี้เลย

ทางด้านศาลาที่เกิดเพลิงไหม้ได้รับคาวมเสียหายมากกว่าครึ่งและก็ใช้งานตามปกติไม่ได้แล้ว ทั้งศาลาหลังเดียวกันนี้ก็เคยเกิดเพลิงไหม้มาแล้วเมื่อปี 2555 กรรมการของวัดโพนทองจึงได้ประชุมกันเพื่อรื้อศาลาดังกล่าวให้จัดสร้างใหม่ ชาวบ้านและลูกศิษย์ที่มาเคารพกราบไหว้หลวงปู่จะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นด้วย และในส่วนของบุคคลที่ต้องการร่วมทำบุญในการสร้างศาลาก็สามารติดต่อโดยตรงที่วัดโพนทอง

ดร.อร่ามศรี จงปัตนา ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการวัด ได้ออกมาเผยว่า หลวงปู่วิลาศเป็นพระที่ปฏิบัติคุณงามความดีอย่างมากมาย ทั้งหลวงปู่ก็ยังเป็นบุคคลที่เป็นที่พักพิงทางจิตใจของชาวบ้านและบรรดาลูกศิษย์ ดังนั้นเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นจึงสร้างความเศร้าและตกใจเป็นอย่างมากให้กับชาวบ้าน แต่ก็ต้องประหลาดใจเพราะร่างหลวงปู่ไม่ถูกไหม้ อาจจะเป็นเพราะผลบุญกุศลที่ท่านสร้างมามากจึงทำให้ร่างหลวงปู่ไม่เป็นอะไรแม้กระทั่งจีวรที่เป็นผ้า ท่านได้รับความปลอดภัยแม้ว่าจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม

ปลอดภัยแม้ว่าจะมรณภาพไปแล้วก็ตาม

นางวิไลลักษณ์ หนึ่งในชาวบ้านโพนทอง ได้ออกมาเล่าว่า เมื่อทราบเรื่องเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่ศาลาเก็บศพตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อตนเดินทางมาช่วยที่วัดเก็บกวาด จัดเก็บสิ่งของที่ถูกไฟไหม้ก็ได้อยู่ในเหตุการณ์อัศจรรย์ที่พบด้วยว่าร่างหลวงปู่ไม่ไหม้และยังถ่ายรูปไม่ติด และขณะที่ตนกำลังช่วยกวาดพื้นทำความสะอาดตนก็ได้พบซากศพเต่าตะพาบน้ำ ก็ได้เก็บขึ้นมาพอเห็นท้องของเต่าก็รู้สึกดีใจมากเพราะมีตัวเลขบนนั้นอย่างชัดเจน ส่วนตัวตนคิดว่าหลวงปู่ต้องมาให้โชคเป็นแน่