สลด! ลุงตายโดดเดี่ยว 3-4 วัน เพื่อนบ้านฝันร้ายก่อนพบศพ

ข่าวทั่วไทย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสลดในวันวาเลนไทน์ ลุงตายโดดเดี่ยว โรคประจำกำเริบขณะพังอาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว แอร์และทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ 3-4 วัน เท่าเวลาตายชายเจ้าของบ้าน

เพื่อนบ้านเผย ลุงตายโดดเดี่ยวตาย สลดน่าสงสาร อยู่คนเดียวโรคประจำตัวกำเริบ ไม่มีใครเห็น ไม่มีคนช่วย มีเพียงทีวี แอร์เย็น เปิดทิ้งไว้ 3-4 วัน

กรณี ลุงตายโดดเดี่ยว พบกลายเป็นศพในวันแห่ความรัก ช่วงเย็นเวลาประมาณ 16.00 น. พลตำรวจโท พีระ ราศี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ ชาวบ้านพบศพคนตายในบ้านพักบ้านการเคหะ หมู่5 ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่ประสานงานทีมแพทย์เวรจากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี พร้อมด้วยทีมงานอาสกู้ภัย ม.ส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวเป็นปูนทั้งหมด ประตูหน้าบ้านพบว่าถูกล็อกจากด้านในของบ้าน เจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์มางัดและตัดกุญแจออก เพื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องนอนพบศพ นายช้อย บรรจง วัย 67 ปี ผู้ตายและเป็นเจ้าของบ้าน ภายในห้องนอนพบว่าทีวีและแอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ เมื่อแพทย์ตรวจสอบพบว่าทั่วบริเวณห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตจากโรคประจำตัวมาแล้ว 3-4 วัน

นางสาวเดือนเพ็ญ เอิมชา วัย 43 ปี ผู้เป็นเพื่อบ้านกับผู้ตาย ได้ออกมาเล่าว่า ตนได้รู้จักสนิทกับลุงผู้ตายเป็นอย่างดี เพราะบ้านอยู่ใกล้กันและห่างกันเพียง 50 ม. ลุงช้อยเป็นคนอารมณ์ดี ขี้แหย่ขี้เล่น ชอบพูดชอบคุย ลุงชอบที่มอเตอร์ไซต์มาใกล้ๆแล้วเบิ้ลเครื่องใส่เพื่อล้อเล่น ก่อนขับรถไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนของแกเป็นประจำ ตนจะคอยบอกไม่ให้ลุงช้อยขับรถเร็ว

สองสามวันมานี้ ตนรู้สึกแปลกใจมาก เพราะไม่เห็นลุงช้อยออกมาจากบ้าน แต่เวลาที่ผ่านมานี้ตนก็เริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะเห็นภายในบ้านยังเปิดไฟตลอดเวลา ตนตัดสินใจตะโกนเรียกชื่อลุงช้อย แต่ลุงก็ไม่ตอบกลับมาเลย ตนจึงคิดว่ามันผิดวิสัยแล้ว เลยโทรแจ้งความให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบดูที่บ้านลุงช้อย

ทั้งนี้ นางสาวเดือนเพ็ญ เพื่อนบ้านได้เล่าต่ออีกว่า ก่อนที่จะพบว่าลุงช้อยตายแล้ว เมื่อคืนก่อนตนหลับฝันไม่ดี คือ ฝันว่าเพื่อบ้านภายในซอบบ้านสวมใส่เสื้อดำทั้งชุด ภายในฝันไม่รู้ว่าเขาไปงานศพของใคร แต่พอตื่นเช้ามาก็รู้ว่าลุงช้อยเสียชีวิตแล้ว ไม่คิดมาก่อนเลยว่าฝันจะเป็นจริงและเป็นคนใกล้ตัว

อย่างไรก็ตาม พลตำรวจโท พีระ  ได้ออกมาเผยว่า จากข้อมูลที่ตรวจสอบได้พบว่า ชายผู้ตายมีโรคประจำตัว และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุเพียงคนเดียว คาดว่าผู้ตายโรคกำเริบและไม่มีใครเห็นจึงไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือได้จนถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ได้นำศพผู้ตายส่งไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะติดต่อไปหาญาติเพื่อมารับศพไปบำเพ็ญกุศล