“ร้ายก็รัก” ลุงโดนสาวหลอกเงิน 10 ล้าน หอบข้าวของดูแลถถึงโรงพัก ตร.จับขังคนที่รัก

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมานี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน สืบเนื่องมาจากกรณี ลุงโดนสาวหลอกเงิน 10 ล้าน ก่อนรู้ตัวแล้วไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าสุด ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พลตำรวจตรี รุทธพล เนาวรัตน์ พร้อมคณะออกแถลงการณ์จับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว

ลุงโดนสาวหลอกเงิน 10 ล้าน แจ้งจับหญิงสาวที่รัก สุดท้ายอดเป็นห่วงไม่ได้มาเฝ้าดูถึงโรงพัก ที่ผ่านมาถนุถนอมไม่แตะเนื้อต้องตัวแม้แต่ปลายเล็บ

ลุงโดนสาวหลอกเงิน 10 ล้าน โดยหญิงคนนี้คือ นางสาวชนกนันท์ วัย 27 ปี ชาวบ้านอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวได้บริเวณด้านหน้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นในฐานกระทำการฉ้อโกง และได้นำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ก่อนหน้าจะมีการจับกุมเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งความจาก นายนรศักดิ์ (เจ๊ก) ศรีรุณทิพย์ วัย 63 ปี ชาวอำเภอประโคนชัย ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าตนได้ถูก นางสาวชนกนันท์ ล้อลวงหลอกและโกงเงินตนเองไปร่วมกว่า 10 ล้านบาท

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมพร้อมนำ นางสาวชนกนันท์ คุมขัง ได้พบว่าเมื่อช่วงเย็นๆ ยังไม่ได้มีญาติจากสุโขทัยเดินทางมาเยี่ยมเลย ซึ่งจะมีก็เพียงลูกสาวของเธอในวัย 7 ขวบ พร้อมกับผู้เป็นแม่ได้มานั่งเฝ้ารอที่ห้องควบคุมที่อยู่บนโรงพัก เวลาต่อมาพบค่ำ นายนรศักดิ์ ที่เป็นผู้แจ้งความ ได้หอบของพะลุงพะลังมาที่โรงพัก ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นประกอบไปด้วย พัดลม-ผ้าห่ม ทั้งก็เพื่อจะนำมาให้หญิงสาวที่รัก เพราะห่วงกลัวร้อน ทว่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้อนุญาตให้สาวเจ้าใช้อ่างที่หวัง

นายนรศักดิ์ ได้ออกมาเผยว่า เริ่มแรกตนนั้นได้พบเจอกับ นัดดา ผ่านสื่อออนไลน์เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อบัญชีว่า “หญิง วรน” ได้มีการพูดคุยกันมาตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งนัดดาได้มีการโพสต์ข้อความออกมาในลักษณะของการประกาศหาคู่ครอง เมื่อตนเห็นโพสต์เข้าไปดูหน้าตาของหญิงสาวและแล้วก็ได้ถูกใจตนเลย ตนจึงตัดสินใจทักแชทไปหาหญิงสาวและได้คุยกันจนผ่านมา 1 สัปดาห์ จากนั้นหญิงสาวก็ได้เอ่ยปากขอยืมเงินเป็นจำนวน 1 หมื่นบาท เพื่อใช้เงินไปรักษาแม่ที่กำลังป่วย และเวลาในระยะหลังก็ได้ขอยืมมาเรื่อยๆทีละ 1 หมื่นบาท ระยะเวลา 1 เดือน รวมเป็นเงิน 2 แสนบาท นัดดาก็ได้ตกลงที่จะแต่งงานกับตน แล้วจากนั้นก็ได้พูดคุยและได้นัดกันว่า ตนจะเดินทางไปสู่ขอหญิงสาวที่จังหวัดชัยนาท เพราะญาติอยู่ที่จังหวัดดังกล่าว แต่ในเวลานี้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด19 เมื่อไปถึงที่จะหงัวที่นัดต้องมีการกักตัว ตนได้นัดหมายกับนัดดาว่าจะมาเจอกันที่สถานีขนส่ง หมอชิต ตนได้ขึ้นรถจากจังหวัดบุรีรัมย์ไปและเมื่อเดินทางมาถึงสถานีหมอชิตเห็นหน้าหญิงสาวก็ตกใจเล็กน้อยเพราะหน้าไม่ตกกับภาพที่ใช้บนโปรไฟล์แต่อย่างไรเสียตนก็รับได้ โดยตอนนั้นนัดดาได้เดินทางมาพบตนโดยนำหญิงคนหนึ่งมาด้วยซึ่งได้อ้างว่าเป็นป้า

หลังจากที่เจอกันก็ได้มีการผู้ข้อไม้ข้อมือที่สถานีหมอชิตเสียเลย เสร็จแล้วตนได้มีการมอบทองจำนวน 2 บาท จากนั้นตนและนัดดาได้เดินทางกลับมาที่บ้านของตนที่อยู่ในอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ นัดดาได้มาอยู่ที่บ้านด้วยเป็นเวลา 4 วัน นัดดาก็ได้เดินทางกลับไปที่บ้านเกิดที่จังหวัดสุโขทัย จากนั้นก็ได้พูดคุยกันเรื่อยมาผ่านทางแชทของเฟซบุ๊ก

เวลาได้ผ่านมาจนถึงวันที่ 5 สิงหามคม 2564  ตนได้มีการมาตรวจสอบดูบัญชีโอนเงินในระหว่างวันที่ 19-30 มิ.ย. 64 ปรากฏว่ายอดที่โอนออกจากบัญชีเป็นจำนวนกว่า 2.6 ล้านบาท ตอนหลังได้มารู้ว่าเงินที่โอนไปเข้าบัญชีของนัดดา ซึ่งนัดดาได้ใช้โทรศัพท์ของตนโอนเงินเอง และได้พบด้วยว่านัดดาได้โอนเงินของตนเข้าบัญชีของญาตินัดดาอีกด้วย ตนรู้สึกไม่ดีและได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ สภ.ประโคนชัย

นายนรศักดิ์ ได้เล่าต่อไปอีกว่า หลังจากที่นัดดารู้ว่าตนเข้าแจ้งความเอาความผิด เธอก็ได้โทรมาคุยกับตนโดยได้บอกว่าตนนั้นไปแจ้งความเธอมทำไมคิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ตนจึงได้บอกไปว่าพี่มีที่ดินจำนวน 9 ไร่ ต้องขายได้เงิน 16 ล้าน จะนำออกไปขายแล้วเอาเงินมาสร้างบ้าน ตนได้มอบอำนาจในนัดดาเอาไปขาย ในภายหลังตนได้รู้ความจริงว่าที่ดินขายได้เงินเพียง 7.5 ล้านบาท ตนได้โอนเงินเข้าบัญชีของตน เมื่อมารู้แบบมามีการโอนเงินไปใช้โดยไม่บอกก็คิดจะเอาความ

เมื่อตำรวจได้จับกุมนัดดาหญิงสาวคนรักมาคุมขัง นายนรศักดิ์ เป็นสภาพคนที่รักแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงเป็นใย ขนของ พัดลม-ผ้าห่ม มาให้นัดดาถึงโรงพักกลัวสาวร้อง แม้จะครบกันมา 5 เดือน ตนจะไม่เคยได้แตะตัวหญิงสาวแม้แต่นิดเดียว แต่ด้วยตนเองเป็นคนรักจริงและไม่เคยมีครอบมีครัวมาก่อนอีกด้วย