โดนเล่นงาน! ลูกหนี้ติดโควิด ไม่ได้ขายของ ไม่มีเงินจ่าย แก๊งเงินกู้หยอดกาวกุญแจล็อก

ข่าวทั่วไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานสลดเจอหนูน้อยนั่งตากยุงหน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ สาเหตุแม่ที่เป็นลูกหนี้ติดโควิด ทำให้ต้องรักษาตัวนานหลายวันจึงไม่ได้ไปขายของเนื่องจากมีอาชีพเป็นแม่ค้า ไม่มีเงินจ่ายหนี้แก๊งเงินกู้เลยมาล็อกไม่ให้ออก-เข้า

กู้เงินร้อยละ 60 บาท/เดือน ลูกหนี้ติดโควิด ต้องรักษาตัว 10 วัน ไม่ได้ไปขายของทำให้ไม่มีเงิน แก๊งเงินกู้บุกถึงบ้าน เอากาวหยอดแม่กุญแจ เด็ก 8 ขวบเข้าบ้านไม่ได้ นั่งตากยุงรอ!

กรณี ลูกหนี้ติดโควิด ประกอบอาชีเป็นแม่ค้าทำให้ต้องหยุดไม่ได้ไปขายของ ก่อนหน้าไปกู้เงินมาโดยมีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 บาท/เดือน ป่วยนอนรักษาไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงินไปผ่อนจ่ายหนี้ทำให้แก๊งเงินกู้บุกมาที่บ้านเอากาวตราช้างมาหยอดลงที่แม่กุญแจพร้อมกับเอากุญแจมาล็อกอีกชั้นหนึ่ง จสาเหตุนี้ทำให้เด็กชายวัย 8 ขวบที่เป็นลูกต้องนั่งรอที่บริเวณหน้าบ้านนาน 3 ชั่วโมง ยุงรุมกัดเพราะเข้าบ้านไม่ได้

เวลา 03.00 น. ในวันที่ 29 กรกฎาคม ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้เป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด ได้รับแจ้งเหตุจาก นางสาวจิราภรณ์ วัย 44 ปี แม่ค้าขายของจากตลาดแห่งหนึ่งย่านสายไหม และลูกของเธอวัย 8 ขวบ ได้ถูกเซลล์จากแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดร้อยละ 60 บาท/เดือน บุกมาที่บ้านทวงหนี้และเอากาวตราช้างมาหยอดใส่รูกุญแจจากนั้นเอาแม่กุญแจมาล็อก และประจานเขียนป้ายทวงเงินที่ติดหนี้อยู่แปะไว้หน้าบ้าน และทำให้ไม่สามารถเข้ามาไปในบ้านได้

นางสาวจิราภรณ์ เล่าว่า ก่อนหน้าเธอไปอยู่กับผู้เป็นสามีในต่างจังหวัด และครอบครัวก็ไม่เคยติดหนี้ใครมาก่อน เวลาต่อมาพบว่าสามีแอบนอกใจไปมีผู้หญิงคนอื่น ทำให้เธอตัดสินใจขอหย่าขาด พี่สาวของเธอรู้ข่าวเลยชวนมาอยู่ทำงานที่กรุงเทพมหานครต้นปี 65 เธอได้หอบเอาลูกสาวมาอยู่ พี่สาวอยู่ที่กรุงเทพก็เปิดร้านขายข้าวแกงอยู่ในย่านสายไหม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา พี่สาวของเธอล้มป่วยและลุกมาทำงานไม่ไหว เธอต้องออกไปขายของเพียงลำพัง เพื่อเอาเงินที่ได้มาช่วยจ่ายหนี้รายวันให้กับพี่สาวจนจ่ายหมดไปหลายเจ้า มีเจ้าที่ยืมมายอด 50,000 บาท จ่ายผ่อนมาเหลือ 20,000 บาท

เดือนกรกฎาคมความนี้! เธอป่วยติดโควิดทำให้ไม่สามารภไปขายข้างแกงได้แล้ว ต้องนอนรักษาตัวอีก 10 วัน ทั้งนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจแจ้งบอกเซลล์ทวงหนี้ไปว่าขอเลื่อนนัดจ่ายไป 10 วัน เจ้าหนี้ที่คิดร้อยละ 30 บาท/เดือน ยอมเลื่อนวันจ่ายหนี้ให้ แต่ทว่าเจ้าที่คิดดอกร้อยละ 60 บาท/เดือน ไม่ยอมรับรู้หรือเข้าใจ เอาแต่เพียงบอกว่าให้ไปหาเงิน ไปยืมจากที่อื่นมากจ่ายให้ได้ มากไปกว่านั้นเขาได้การข่มขู่ว่าจะทำร้ายถ้าไม่หามาจ่าย อทุกครั้งที่โทรติดต่อมาก็บอกว่าจะบุกมาหาที่บ้าน ทำให้เธอและลูกสาว 8 ขวบรู้สึกกลัวอย่างมาก

สำหรับตัวเธอเองไม่คิดจะกู้เงินจากเซลล์ที่อื่นมาจ่ายหนี้ดอกร้อยละ 60 บาท/เดือน เพราะรู้ดีว่ามันจะกลายเป็นงูกินหาง ทำให้เซลล์โมโหและด่าทอทวงเงินในทุกวันที่เธอรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด ก่อนหน้าทีจะป่วยจะตื่น 04.00 น. ของทุกวันเพื่อเตรียมของไปขายทำอาหารสั่ง-ขายผ่านแอปฯ ช่วงเย็นจะทำกับข้าวขายที่ตลาดสด และเอาเงินที่ได้ซื้อสิ่งของมาเตรียมทำอาหารต่อในวันถัดๆไป ทำแบบนี้เป็นประจำของทุกวัน ทั้งนี้เพื่อหวังหาเงินมาปลดหนี้

เวลา 01.00 น. หลังจากที่เธอไปซื้อวัตถุดิบจากตลาดและกลับมาถึงบ้านพร้อมกับลูก ทำให้พบว่ากฎแกหน้าบ้านโดนล็อกและมีกาวหยอดที่รู เธอและลูกสาวไม่สามารถเข้าบ้านได้ ก่อนจะเห็นว่ามีป้ายทวงหนี้ติดหน้าบ้านด้วย ตอนนั้นเธอพยายามเดินไปเรียกให้เพื่อนบ้านมาช่วย แต่ด้วยมันเป็นยามวิกาลช่วงที่คนนอนหลับสนิททำให้ไม่มีใครตื่นมาช่วยเหลือ ตัดสินใจนั่งรอกที่หน้าบ้านกับลูก 2 คนนั่งอยู่นาน 3 ชั่วโมง ยุงรุมกันลูกเต็มไปหมด

รู้สึกสงสารลูกอย่างมากที่ต้องมาลำบาก ต่อมาพาลูกสาวไปแจ้งความกับตำรวจที่ สน.สายไหม แต่ก็คิดได้ว่าถ้าเซลล์รู้เรื่องเข้าก็จะมาฆ่าหรือทำร้ายเธอกับลูกสาว ทำให้หันมาแจ้งเรื่องกับเพจสายไหมต้องรอด

นายเอกภพ เมื่อได้รับแจ้งก็บอกให้สองแม่ลูกกลับมารอที่หน้าบ้านดังเดิม จากนั้นราว 10 นาที เจ้าหน้าที่จากเพจก้เดินทางมาถึงพร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยเหลือตัดทิ้งกุญแจจนสามารถทำให้แม่ลูกเข้าไปในบ้านได้และยังจะช่วยประสานงานแจ้งเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ในรุ่งเช้า

นายเอกภพผู้ก่อตั้งเพจสายไหมฯ ออมากล่าวว่า เซลล์ที่ปล่องเงินกู้การที่เขามาทำพฤติกรรมแบบนี้มันเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก โดยปกติแล้วตำรวจสายไหมมีนโยบายเฝ้าติดตามทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสุดโหด คาดว่าเป็นคนที่มาจากต่างถิ่นไม่ใช่คนในพื้นที่สายไหม ทั้งนี้ได้มีการติดต่อบอกข้อมูลกับทาง ผู้กำกับ สน.สายไหม พลตำรวจเอก อำนาจ กาหลง เพื่อนักพาผู้เดือนร้อนจากดอกเบี้ยเงินกู้สุดโหดไปแจ้งความรายงานความป่าเถื่อนและเข้าใจดีว่าเมื่อยืมคนอื่นมาก็ต้องใช้  แต่ไม่ควรจะมาทวงกันขู่ทำร้ายหรือทำร้ายทรัพย์สินคนอื่นอย่างป่าเถื่อน