เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลเชียงคำ วูบกลางอากาศ คาจุดฉีดวัคซีน ต้องพาเข้าห้องฉุกเฉินด่วน

ข่าวทั่วไทย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 เวลา 11.30 น. ที่โรงพยาบาลเชียงคำ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยได้มีเจ้าหน้าที่ของ โรงพยาบาลเชียงคำ ได้เกิดอาการ วูบกลางอากาศ คาจุดฉีดวัคซีน จน แพทย์-พยาบาล ต้องพากันเข้าไปช่วยหามขึ้นรถเข็นนำส่งห้องฉุกเฉิน สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนที่มาเข้ารับวัคซีนจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ รพ.เชียงคำ วูบกลางอากาศคาจุดฉีดวัคซีน

นักข่าวจึงได้มีการลงพื้นที่ไปที่โรงพยาบาลเชียงคำ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อเข้าพบกับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ในขณะที่กำลังปฏิบัติงานในการให้ความรู้แก่ผู้ที่เข้ามารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ณ บริเวณจุดให้บริการ ทราบชื่อต่อมาคือ นายณัฐพิสิษฐ์ อินทะรังสี ซึ่งเป็นนักวิชาการโสตทัศนศึกษา โรงพยาบาลเชียงคำได้ให้สัมภาษณ์กับทางนักข่าวว่า ภายในวันที่เกิดเหตุดังกล่าวนั้น ซึ่งตนจะต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าก่อนเวลา 06.00 น. เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมทั้งบริการสถานที่ เนื่องจากผู้ที่จะเข้ามารับการฉีดวัคซีนจะเริ่มมาตั้งแต่เวลา 05.00 น. จึงจะต้องทำการเข้ามาจัดเตรียมความพร้อมและคอยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้

ช่วงเวลาเช้าของทุกๆวัน ตนมักจะไม่ค่อยรับประทานข้าวเช้า หากทานก็น้อย ประกอบกับตนนอนดึก เนื่องจากจะต้องคอยจัดข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวัคซีน รวบรวมสรุปผลของการทำงานในวันนี้ และ ต้องทำแผนงานที่จะต้องใช้ในวันต่อๆไป ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่เกิดโรคระบาดหนักตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลต้องทำงานกันอย่างหนัก จนไม่มีเวลาพักผ่อน อีกทั้งยังละเลยการดูแลสุขภาพตนเอง

นายณัฐพิสิษฐ์ ยังได้เล่าต่ออีกว่า วันเกิดเหตุดังกล่าว ตนรู้สึกว่ามีอาการหัวใจเต้นแรง เร็ว หายใจได้ไม่ค่อยสะดวก มีอาการ หวิวๆ วูบวาบ ตนจึงได้ไปหายาแอมโมเนียมาดมเพื่อบรรเทาอาการ เพียงแค่ตนกำลังจะเดินไปเท่านั้น ตนก็รู้สึกว่าไฟดับทำให้มืดและหมดสติไม่รับรู้อะไรอีก เป็นเวลาเกือบ 3 นาที จึงได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เรียกชื่อของตน ทำให้ได้สติอีกครั้ง ก่อนจะทำการสำรวจตัวเองพบว่าตนกำลังนอนอยู่บนเปลรถเข็นคนไข้ ซึ่งตนกำลังถูกส่งไปยังห้องฉุกเฉิน ทางแพทย์ได้ทำการตรวจดูอาการแล้ว แจ้งว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับรับประทานอาหารน้อยส่งผลทำให้พลังงานอ่อน จึงได้นำการเติมน้ำเกลือและให้ดื่มสารอาหารพร้อมกับวิตามินและนอนพักผ่อน แต่ทว่าภายในวันเดียวกันช่วงบ่าย ตนรู้สึกว่าร่างกายมีอาการดีขึ้นมากแล้ว จึงได้เริ่มออกไปปฏิบัติหน้าที่ต่อเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ท่านอื่นมีภาระงานเพิ่มอีก

นายณัฐพิสิษฐ์ ยังได้เล่าต่ออีกว่า ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดการทำงานของตนได้ ซึ่งทั้งนี้เป็นเพราะกำลังใจจากชาวบ้านและเพื่อนภายในที่ทำงาน ส่งผลทำให้ตนมีพลังเพิ่มมากขึ้นอย่างเต็มที่