Saturday, 4 May 2024

ช้ำไม่เลิก !! สมุทรปราการ บางบ่อน้ำท่วมสูงถึงเอว ขนของหนีน้ำท่วมกันจ้าละหวั่น

ช่วงสายวันที่ 10 กันยายน 2564 นักข่าวลงพื้นที่ ชุมชนวัดบางบ่อ หมู่ 3 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัด สมุทรปราการ หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุว่าน้ำภายในคลองสำโรงล้นตลิ่งเข้าท่วมวัดบางบ่อ โรงเรียน และ ชุมชนที่อยู่บริเวณหน้าวัดบางบ่อ ซึ่งระดับน้ำสูงถึงเอว โดยเฉพาะบริเวณภายในโรงเรียนและวัดบางบ่อ บนถนนมีระดับน้ำสูงเกือบ 50 เซนติเมตร รถเก๋งไม่สามารถที่จะขับรถผ่านได้ จะต้องเป็นรถที่มีขนาดใหญ่หรือกระบะยกสูงเท่านั้น

สล็อต xo Slotxo

ช้ำไม่เลิก !! สมุทรปราการ บางบ่อน้ำท่วมสูงถึงเอว

ข่าวทั่วไทย สมุทรปราการ
ในขณะที่ชาวบ้านบางรายอพยพหนีน้ำท่วมที่มาพร้อมปลิง ไปอาศัยอยู่กับญาติ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเด็กและคนชรา ที่จะทำการอพยพได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากไม่มีเรือ จึงจะต้องอาศัยภาชนะ กะละมังขนาดใหญ่ในการนำมาบรรทุกสัมภาระ คนสูงอายุและเด็กออกจากพื้นที่ จากการสอบถามชาวบ้านภายในพื้นที่ทราบว่า น้ำท่วมทุกปี แต่ทว่าปีนี้น้ำท่วมหนักที่สุด เนื่องจากระดับน้ำภายในคลองล้นตลิ่ง เมื่อมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ส่งผลทำให้น้ำไม่มีที่จะระบาย

ภายในวัดบางบ่อ ซึ่งด้านหลังวัดติดกับคลองสำโรง มีน้ำท่วมทั่วทั้งวัด รวมถึงถนนบริเวณหน้าวัด ชุมชน มีระดับน้ำสูงเกือบ 50 เซนติเมตร ชาวบ้านต่างพากันหากระสอบทราย มาใช้ในการกันคลื่นน้ำที่เกิดจากรถขนาดใหญ่วิ่งผ่าน เพื่อไม่ให้เข้ามายังบ้านเรือน และภายในโรงเรียนวัดบางบ่อ ซึ่งมีน้ำท่วมอยู่ทั่วบริเวณโรงเรียน ระดับน้ำสูงกว่าเอว

นายวิรวัฒน์ ผสมทรัพย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงชลประทานชนหารพิจิตร มีหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบในการบริหารจัดการน้ำภายในจังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำภายในพื้นที่ โดยเฉพาะคลองที่เป็นสายหลัก เช่น คลองสำโรง คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ซึ่งเชื่อมต่อกับคลองด่าน คลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ โดยการสูบน้ำที่ชลหารพิจิตร มีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมทั้งหมด 80 เครื่อง ซึ่งมีประตูระบายน้ำ 2 จุดลงสู่ทะเล ในปัจจุบันได้มีการเดินเครื่องสูบน้ำเต็มกำลังเกือบทุกตัว 24 ชั่วโมง จะมีบางเครื่องต้องเอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรองเนื่องจากใช้งาน 24 ชั่วโมง ชลหารพิจิตรมีขีดความสามารถในการสูบน้ำเฉลี่ยวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ช้ำไม่เลิก !! สมุทรปราการ บางบ่อน้ำท่วมสูงถึงเอว ขนของหนีน้ำท่วมกันจ้าละหวั่น
โดยล่าสุดวันนี้ได้มีการสูบน้ำไปแล้ว 26 ล้านลูกบาศก์เมตร ประตูที่ใช้ในการระบายน้ำลงสู่ทะเล ไม่สามารถที่จะทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากน้ำทะเลขึ้นลงสองช่วงเวลา ไม่เท่ากันในแต่ละวัน ซึ่งปัญหาที่พบคือปริมาณน้ำฝนภายในพื้นที่ ที่ได้มีการตกลงมาอย่างหนักเฉลี่ย 200 มิลลิเมตรต่อวัน ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำสูงเกือบ 2 เท่าตัว โดยการระบายน้ำเทียบง่ายๆ คือ เฉลี่ยต่อวันสูบได้ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทว่าปริมาณน้ำที่มีมากกว่า 2 เท่า ทำให้น้ำระบายได้ช้าลง

ซึ่งคาดว่า หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม น่าจะสามารถระบายน้ำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติดได้ภายใน 2 วัน แต่ทว่าหากมีฝนตกลงมาเพิ่มอีกก็จะทำให้เวลาในการระบายน้ำออกไป ชลหารพิจิตรไม่นิ่งนอนใจในการที่จะระบายน้ำ โดยที่ผ่านมีการพยายามระบายน้ำออกจากคลองธรรมชาติให้มากที่สุด แต่ทว่าเกิดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบุกรุกทางน้ำ ผักตบชวาที่มีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีขยะต่างๆ ส่งผลทำให้การพร่องน้ำทำได้ยากลำบาก

ภายในขณะนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อช่วยในการระบายน้ำ 7 จุด ซึ่ง 2 จุดหลักคือสะพานข้ามคลองสำโรง อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลบางบ่อ บริเวณที่ว่าการอำเภอบางบ่อ ทั้งที่พื้นที่บางบ่อและบางเสาธงกำลังเจอน้ำท่วมในขณะนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อีกทั้งยังมีน้ำจากพื้นที่รอบนอกของจังหวัดข้างเคียง ได้มีการไหลเข้ามาภายในพื้นที่ส่งผลทำให้มีระดับน้ำสะสมสูง ในขณะที่สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ต่างก็เร่งทำการเดินเครื่องอย่างเต็มสูบระบายน้ำออกสู่ทะเลได้อย่างเต็มกำลัง

แขวงการทางได้มีการออกมาชี้แจงถึงปัญหาว่าน้ำได้มีการไหลทะลักเข้าท่วมถนนเทพรัตน หรือ ถนนบางนาตราด ช่วงกิโลเมตรที่ 29 – 30 เขตบางบ่อ มีมวลน้ำจากทุ่งกว้างบริเวณรอบพื้นที่ประกอบกับน้ำภายในคลองหนุนและเอ่อล้น ส่งผลทำให้มีน้ำสะสมอยู่ภายในจุดดังกล่าวซึ่งเป็นแอ่งกระทะ ตั้งแต่ช่วงตีสองที่ผ่านมา แขวงการทางได้มีการประเมินว่ามีความเสี่ยงที่จะท่วมทาง จึงได้มีการเร่งให้เจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงแต่ทว่ามีชาวบ้านบางราย พายเรือมาลักลอบขนกระสอบทรายที่กั้นน้ำไม่ให้ท่วมถนนสายหลัก กลายเป็นผลกระทบในภาพรวม การถูกขโมยกระสอบทรายไป ส่งผลทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมถนนดังกล่าว ที่ได้มีภาพปรากฏตามโลกออนไลน์ จึงขอวอนชาวบ้านอย่าเพิ่งมาขโมยกระสอบทรายที่ใช้กั้นน้ำที่ริมถนนดังกล่าว ในช่วงนี้