เข้ามอบตัว!! หนุ่มถ่มน้ำลายใส่พยาบาล อ้างทำไปเพราะเมาและห่วงพี่เท่านั้น

ข่าวทั่วไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน หนุ่มถ่มน้ำลายใส่พยาบาล หลังก่อเหตุได้เดินทางไปมอบตัวแล้ว ก่อนจะให้เหตุผลที่ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เพราะห่วงพี่มากเกิดอุบัติเหตุมาหมอดูแลช้ารอนาน

หนุ่มถ่มน้ำลายใส่พยาบาล โมโหหมอไม่มาเย็บแผลให้พี่สักที หลังเกิดอุบัติเหตุรถล้ม ยังต้องมารอนานอีก ยอมรับมีอาการมึนเมา “ขอโทษ”

กรณี หนุ่มถ่มน้ำลายใส่พยาบาล มอบตัวแล้วที่ไม่มาเมื่อวาน(17 พ.ค. 65) เพราะมีอาการเมาหนักเลยทำให้ร่างกายแฮงค์ จึงไม่สามารถเดินทางมามอบตัวกับตำรวจได้ วันนี้ได้สติก็รีบมาและบอกว่าที่ก่อเหตุไปทั้งหมดเป็นเพราะเมาและห่วงพี่ที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ได้รับการดูแลรักษาทำแผลช้า

นายเก่ง วัย 42 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พลตำรวจโท บวรศักดิ์ คำรังสี รองผู้กำกับสอบสวน สภ.วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากเขาได้ไปก่อเหตุถ่มน้ำลายใส่หน้าบุรุษพยาบาล โรงพยาบาลวารินชำราบ โดยกรณีดังกล่าวได้กลายเป็นข่าวไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพผิดว่าตนเองลงมือก่อเหตุตามความเป็นจริง และตอนนั้นบวกกับอาการเมาเหล้า วันเกิดเหตุพี่ชายประสบอุบัติเหตุรถล้ม แต่ตนห่วงพี่มากกลัวจะเป็นอะไร เพราะรอยนานไม่มีคนมาทำแผลให้ พิษสุราทำให้ทำพฤติกรรมแบบนั้นออกไป

นายเก่ง ผู้ต้องหาถ่มน้ำลายใส่พยาบาล กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุพี่ชายเกิดอุบัติเหตุรถล้ม สังเกตเห็นแผลบาดลึก ตอนนั้นไปรอรักษานานกว่า 3 ชม. แต่ไม่มีพยาบาลหรือใครมาล้างแผลให้ ตนเลยไปถามบุรุษพยาบาลว่าจะทำแผลตอนไหน เขาตอบกลับมาว่าแพทย์ต้องเย็บรักษาพี่ชาย ได้ออกเวรไปแล้วต้องรอกให้แพทย์คนใหม่มาทำให้ เมื่อฟังดังนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่บุรุษพยาบาล ตอนนั้นอยากชกแต่กลัวเป็นเรื่องราวใหญ่โต ก่อนจะพาพี่ชายย้ายไปทำแผลในโรงพยาบาลเอกชน

นายเก่ง ให้การยืนยันว่าไม่ได้หนี หลังเกิดเรื่องแล้วตนไม่สามารถมามอบตัวได้นั้น เพราะมาจากอาการเมาค้าง วันนั้นตนดื่มเหล้าหนัก วันนี้ดีขึ้นเลยมาพบตำรวจ จะมาอยู่แต่ตำรวจมาล้อมบ้านก่อน เลยออกมามอบตัว ต้องขอโทษจริงๆที่ก่อเหตุจนกลายเป็นเรื่องวุ่น ส่วนโรงพยาบาลได้นัดให้นายเก่งไปพบในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พฤษภาคม หรือ วันพรุ่งนี้

พลตำรวจเอก ยุทธนา พฤกษารุ่งเรือง ผู้กำกับ สภ.วารินชำราบ ได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งข้อหานายเก่งไปแล้ว 4 ข้อหา 1.เมาและสร้างความวุ่นวายในพื้นที่สาธารณะ 2.ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพร้อมทำร้ายจิตใจผู้อื่น 3.ทำการพูดหยามดูหมิ่นคนอื่น 4.ขณะเกิดเหตุเปิดหน้ากาก ทำผิดต่อ พ.ร.บ.โรคติดต่อ