หนุ่มม้งบินกลับไทย หลังไปทำงานที่อิสราเอล ได้ยินเสียงระเบิดจากสงครามจนหลอน

ข่าวทั่วไทยล่าสุด กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้าที่คนทำงานไม่อยากเจอ กรณี หนุ่มม้งบินกลับไทย เมื่อเครื่องลงจอดสุวรรณภูมิ เดินร่องรอยเอะอะพูดไม่รู้เรื่อง ก่อนจะไปหยุดที่พระบรมฉายาลักษณ์ และนั่งลงก้มกราบ มีอาการคลั่งผลกระทบจากสงคราม

ได้ยินเสียงระเบิดสงครามทุกวัน หนุ่มม้งบินกลับไทย อาการน่าเป็นห่วง คลั่งจนพูดไม่รู้เรื่อง อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู พยายามอยู่นานช่วยส่งกลับบ้าน

เวลา 1 ทุ่มของวานนี้ 14 สิงหาคม 2565 หนุ่มม้งบินกลับไทย หลังจากเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล หลังจากที่เครื่องลงจอด เจ้าหน้าที่ของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากตรวจพบชายที่มีอาการคลุ้มคลั่งได้เดินวนเวียนไปมาเอะอะและเหมือนจะพูดจาไม่รู้เรื่อง ขณะนั้นเขาอยู่ที่บริเวณประตูช่อง 41 ของอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปถึงหน้าอาคารผู้โดยสารตามที่ได้รับแจ้ง ได้พบเข้าจับชายอายุราว 25 ปี  เขาแต่งกายด้วยชุดผ้ายีนทังเสื้อและกางเกง  ตอนนั้นเขามีอาการพูดไม่รู้เรื่อง ในเวลาเดียวกันกลุ่มญาติมาคอยเดินติดตามและพยายามเข้าไปพูดคุยกล่อมให้สงบสติและเดินทางกลับบ้านด้วยกัน แต่ชายรายดังกล่าวนี้ก็ได้เดินหนีไปยังหน้าอาคารที่จอดรถยนต์ พร้อมกับเดินต่อไปยังด้านนอกของหอปฏิบัติการสนามบินสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้ สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่สนามบิน อาสาจากมูลนิธิกู้ภัย พร้อมกับญาติชายคนดังกล่าวได้ร่วมกันเดินติดตามเขาไป จนกระทั่งชายรายนี้มาหยุดยืนอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของอาการการบิน โดยด้านหน้าอาคารมีพระบรมฉายาลักษณ์ เขาก็หยุดมองนิ่งก่อนที่จะค่อยๆนั่งลงก้มกราบ และไม่นานเขารีบลุกเดินต่อทั้งที่ยังมีอาการคลุ้มคลั่ง แต่เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นว่าอาการที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเริ่มลดน้อยลงไปแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่และญาติได้สามารถไปพาตัวเขามานั่งบริเวณริมถนน ครั้งนี้เขายอมมานั่งพูดคุยด้วย

เจ้าหน้าที่และญาติช่วยกันถามไถ่ชายหนุ่ม ตอนนั้นเขายังมีอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาตื่นตระหนกและหวาดกลัว เพราะกลัวจะมีคนมาจับตัวเขา เขาไม่ยอมไปขึ้นรถของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ยังดีที่เขาขอไปขึ้นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน เขาบอกถ้าไม่ใช่รถตำรวจก้เป็นรถหน่วยงานอย่างเดียวเท่านั้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวหญิงได้พยายามไปพูดคุยกับชายหนุ่ม และสามารถทำให้เขาใจเย็นสงบลงได้บ้างเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะยอมขึ้นรถแต่ก็ไม่ยอมขึ้นอยู่ดี  เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยได้เข้าไปพูดคุยเพื่อถามข้อมูลส่วนตัวของชายคนนี้กับทางญาติ จนรู้มาว่าเขาเป็นคนม้งที่มาจากจังหวัดเชียงราย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องส่งภาษาเผ่าพูดคุยกับชายหนุ่มและรู้เรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายเขายอมขึ้นรถยนต์ไปกับอาสาและเดินทางกลับเชียงรายแต่โดยดี

ทางด้านของแม่ชายหนุ่มรายดังกล่าว ได้ออกมาเล่าเผยว่า ลูกชายของตนชื่อ นายสหัสชัย มีอายุเพียง 25 ปี พวกเราเป็นคนม้งที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ลูกชายเป็นหนึ่งในคนงานที่สมัครไปทำเกษตรที่ประเทศอิสราเอล เดินทางไปทำงานได้ระยะประมาณ 3 เดือนแล้ว ก่อนที่อิสราเอลเกิดมีสงครามขึ้น ลูกชายของเธอทำงานและอาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่มีการสู้รบกัน ทำให้เขาได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิดเป็นประจำทุกวัน เมื่อได้ยินทุกวันก็มีอาการเครียด บวกกับก่อนหน้าลูกชายของเธอเคยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ก็สามารถรักษาหายไปเป็นระยะ 1 ปีมาแล้วก่อนไปทำงานต่างประเทศ พอไปพบเจอกับสถานการณ์สงครามนี้ อาการทั้งหมดของโรคซึมเศร้าก็กลับมาอีกครั้ง เขาจะมีอาการคลั่ง ทั้งยังพูดไม่รู้เรื่องรู้ราว สาเหตุนี้ทำให้นายจ้างได้ทำเรื่องส่งเขากลับมาประเทศไทย และก็เป็นอย่างที่เห็นต้องเข้ารับการรักษาใหม่อีกครั้ง