ฮีโร่พันธุ์ทาง: “หมาจร” ฮีโร่ตัวจริง สุดแกร่งร่วมค้นหาเจอ 2 ศพในซากตึกถล่ม ชาวเน็ตซึ้งใจ

ฮีโร่พันธุ์ทาง: “หมาจร” ฮีโร่ตัวจริง กลายเป็นกระแสชื่นชมสุดซึ้งในโลกโซเชียลข่าวทั่วไทย หลังจากมีการเปิดเผยว่า “หมาจรจัด” ตัวหนึ่ง ที่อยู่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ในกรุงเทพฯ ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยค้นหาร่างผู้สูญหาย ถึง 2 ราย สร้างความตื้นตันใจให้กับชาวเน็ตและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในภารกิจค้นหาครั้งนี้อย่างมาก

ไม่ใช่ K9 แต่ใช่เลย! “หมาจร” ฮีโร่ตัวจริง ช่วยเจอผู้สูญหาย 2 รายจากตึกถล่ม สตง.

หมาตัวดังกล่าว แม้จะไม่มีเครื่องแบบ สุนัขกู้ภัย K9 และไม่ผ่านการฝึกแบบมืออาชีพ แต่กลับแสดงพฤติกรรมที่น่าทึ่ง โดยวิ่งเข้าไปในซากอาคารอย่างไม่กลัวอันตราย ดมกลิ่น และส่งเสียงเห่าในจุดที่ภายหลังพบว่าเป็นบริเวณที่มีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ ทีมกู้ภัยจึงตัดสินใจใช้จุดดังกล่าวเป็นแนวค้นหา และสามารถนำร่างผู้สูญหายออกมาได้ในที่สุดถึง สองร่างด้วยกัน

โซเชียลแห่แชร์ #หมาจรฮีโร่ ขึ้นเทรนด์ แห่ชื่นชมความกล้าหาญ

หลังข่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อหลายสำนัก ชื่อของ “หมาจรตัวนี้” กลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ข่าวทั่วไทย โดยชาวเน็ตต่างพากันติดแฮชแท็ก #หมาจรฮีโร่ และ #ไม่ใช่K9แต่คือหัวใจKจร เพื่อยกย่องความกล้าหาญและสัญชาตญาณของสัตว์ที่มักถูกมองข้ามในสังคม

หลายคนกล่าวว่า นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของสัตว์จรจัดในบ้านเรา ว่าพวกเขาก็มีจิตใจ มีความรู้สึก และอาจกลายเป็น “ผู้ช่วยชีวิต” ได้ หากได้รับโอกาสและการยอมรับจากคนในสังคม

จากหมาจร…สู่หมาฮีโร่ หวังให้ได้รับการดูแลและฝึกฝนต่อยอด

ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่ากำลังหารือกันว่าจะรับ “น้องหมา” ตัวนี้เข้าร่วมในโครงการฝึกฝนเบื้องต้นของหน่วยกู้ภัย เพื่อให้สามารถใช้ทักษะในการดมกลิ่นและค้นหาได้อย่างปลอดภัย และมีมาตรฐานมากขึ้น โดยหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่ง “ต้นแบบของการเปิดโอกาสให้หมาจรจัดได้ทำดีเพื่อสังคม”

นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเสนอที่จะรับเลี้ยงดูแล “เจ้าหมาฮีโร่” เพราะเชื่อว่าการที่มันกล้าฝ่าซากอาคารเพื่อช่วยชีวิตคน เป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกปล่อยผ่านไปเฉยๆ

เสียงสะท้อนจากสังคม: ถึงเวลาเปลี่ยนมุมมองต่อสัตว์จรจัด

กรณีของหมาจรตัวนี้ ทุกทิศทั่วไทยจุดกระแสให้หลายคนกลับมาทบทวนทัศนคติต่อสัตว์จรจัดในเมืองไทยว่า “พวกเขาก็มีศักยภาพ และมีหัวใจไม่แพ้สัตว์เลี้ยงพันธุ์ดีหรือที่ผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ” หลายความคิดเห็นจากผู้ใช้โซเชียลยืนยันว่า ถ้ารัฐหรือภาคเอกชนมีโครงการฝึกอบรมหมาจรที่มีศักยภาพเหล่านี้ อาจกลายเป็นกำลังเสริมสำคัญในเหตุการณ์ภัยพิบัติหรือภารกิจกู้ชีพได้จริง

บทสรุป: K9 อาจมาจากการฝึก แต่ “Kจร” ตัวนี้…มาจากหัวใจล้วนๆ

แม้จะไม่มีปลอกคอ ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีหน่วยสังกัด แต่ หมาจรจัดตัวนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบ ความกล้าหาญและความเสียสละของมัน ได้ช่วยคืนศักดิ์ศรีให้กับชีวิตที่เคยถูกมองข้าม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ต่อทัศนคติที่สังคมมีต่อ “หมาจรจัด” ในเมืองไทย

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่