Saturday, 5 July 2025

ครั้งแรก: เจ้าอาวาสวัดม่วง ให้สัมภาษณ์ หลังถูกขโมยทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาท – ยันแยกจากบัญชีวัด

ครั้งแรก: เจ้าอาวาสวัดม่วงให้สัมภาษณ์ เปิดใจครั้งแรกของเจ้าอาวาสวัดม่วงหลังเกิดเหตุโจรกรรมทรัพย์สินส่วนตัวกลางวัด ข่าวทั่วไทยภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง เมื่อมีรายงานว่า เงินสดจำนวน 10 ล้านบาท พร้อม ทองคำแท่งหนักถึง 250 บาท ถูกลักลอบขโมยออกจากที่พักของ พระครูสังฆรักษ์ (เจ้าอาวาสวัดม่วง) ล่าสุด ท่านได้ออกมาเปิดใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมชี้แจงอย่างละเอียดถึงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว เพื่อยุติข้อสงสัยจากสังคม

สล็อต xo Slotxo

เจ้าอาวาสวัดม่วงให้สัมภาษณ์ ชี้แจงทรัพย์สินที่สูญหายเป็นของส่วนตัว ไม่ใช่เงินวัด

“เจ้าอาวาสวัดม่วง” ให้สัมภาษณ์ ครั้งแรกหลัง

เจ้าอาวาสระบุว่า ทรัพย์สินที่สูญหายทั้งหมดเป็น เงินส่วนตัวที่สะสมมาตั้งแต่บวชเรียนเมื่อกว่า 40 ปีก่อน โดยเน้นว่า เงินทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีของวัด เพราะการบริหารเงินวัดจะต้องมี “คณะกรรมการวัด” และ “ไวยาวัจกร” ร่วมตรวจสอบและลงนามในการเบิกจ่ายทุกครั้ง

“เงินวัดมีบัญชีชัดเจน มีกรรมการ มีไวยาวัจกรร่วมลงนาม ถ้าจะเบิกใช้ต้องผ่านขั้นตอน แต่ทรัพย์ที่หายไปนี้เป็นเงินและทองส่วนตัวที่เก็บไว้ส่วนตัวมานาน” ท่านกล่าว

ทองคำแท่ง 250 บาทและเงินสด 10 ล้าน เก็บไว้ภายในกุฏิเพื่อความปลอดภัย

“เจ้าอาวาสวัดม่วง” ให้สัมภาษณ์ (2)

ท่านเจ้าอาวาสยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทองคำแท่ง 250 บาทนั้น เป็นทรัพย์ที่สะสมทีละเล็กทีละน้อย ทุกทิศทั่วไทย โดยนำมาจาก เงินทำบุญที่ญาติโยมหรือศรัทธามอบให้ส่วนตัว ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อการส่วนรวมของวัด การเก็บไว้ในที่พักสงฆ์จึงเป็นไปเพื่อความมั่นใจว่าอยู่ในสายตาของตัวเอง

ส่วนเงินสดจำนวน 10 ล้านบาทนั้น เป็นจำนวนที่ เบิกออกมาเพื่อนำไปจัดสรรใช้จ่ายเป็นการส่วนตัว โดยไม่มีการใช้ในนามวัดหรือกิจกรรมวัดแต่อย่างใด ทั้งนี้เจ้าอาวาสยังเน้นว่าได้เก็บรักษาไว้อย่างมิดชิดภายในห้องที่มีระบบล็อกและกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่สามารถป้องกันเหตุไม่คาดคิดได้

ระบบบัญชีเงินวัด-เงินส่วนตัว แยกชัดเจนตามหลักการสงฆ์

กรณีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจผิดของหลายฝ่ายที่มองว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่อยู่ในกุฏิพระ คือ “เงินวัด” ทั้งหมด ทั้งที่ตามหลักการบริหารวัดและกฎหมายพุทธศาสนาในไทย มีการแยกอย่างชัดเจนระหว่าง ทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุ กับ ทรัพย์ของวัด ซึ่งมีกลไกตรวจสอบ โปร่งใส และอยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการวัดและเจ้าคณะจังหวัดอย่างเคร่งครัด

ความเสียหายทางจิตใจและบทเรียนจากเหตุการณ์นี้

แม้ทรัพย์สินที่สูญหายจะมีมูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท แต่เจ้าอาวาสวัดม่วงยังคงรักษาความสงบใจและมองเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “กรรม” และ “วิบาก” ที่ตนต้องเรียนรู้ พร้อมแสดงความหวังว่าคนร้ายจะได้รับผลกรรมตามความเชื่อในธรรมะ

“สิ่งที่หายไปเป็นของนอกกาย สิ่งที่ต้องรักษาคือศีลธรรม และสติ” คำกล่าวนี้กลายเป็นที่กล่าวถึงในโซเชียล เพราะแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่สงบเย็น และสะท้อนจิตใจของผู้บวชมานานกว่าสี่ทศวรรษ

ดำเนินคดีเต็มรูปแบบ คนร้ายยังลอยนวล

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบสวนหาตัวคนร้ายจากหลักฐานกล้องวงจรปิดและประตูรั้วที่ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ โดยเชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้ความเคลื่อนไหวภายในวัดเป็นอย่างดี ขณะนี้มีการสอบปากคำพระลูกวัดและบุคลากรใกล้ชิดอย่างละเอียด เพื่อขยายผลและติดตามทรัพย์สินที่สูญหายคืน

สรุป: ความเข้าใจเรื่องเงินวัดกับทรัพย์ส่วนตัวของพระ

บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้คือ การแยกแยะระหว่าง “ทรัพย์สินส่วนตัวของพระ” กับ “ทรัพย์สินของวัด” ควรชัดเจนในสายตาสังคมทันเหตุการณ์ข่าวทั่วไทย เพราะแม้จะอยู่ในวัด แต่ก็สามารถเป็นสมบัติส่วนบุคคลที่เกิดจากการบริจาคเฉพาะตัว และมีสิทธิในการบริหารจัดการ กรณี “เจ้าอาวาสวัดม่วง” นี้จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนที่ควรนำไปศึกษา เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและการโจมตีที่ไม่มีข้อมูลครบถ้วน

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่