กระแสเดือด: เด็ก 16 ฟอกผมจนหนังศีรษะ พุพอง ร้านเสริมสวยแพร่ขอรับผิดชอบ-เร่งเยียวยา

กระแสเดือด: เด็ก 16 ฟอกผมจนหนังศีรษะ กลายเป็นข่าวร้อนแรงในโลกออนไลน์ทุกทิศทั่วไทย เมื่อผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งโพสต์คลิปภาพบาดแผลบนศีรษะของเด็กหญิงวัย 16 ปี หลังเข้ารับบริการทำสีและฟอกผมที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน จังหวัดแพร่ จนเกิดบาดแผลเหวอะ ลึกเป็นแถบยาวทั่วหนังศีรษะ พร้อมระบุว่า “เจ็บจนร้องไห้ นอนไม่ได้หลายคืน หนังศีรษะลอก แสบเหมือนไฟไหม้”

เด็ก 16 ฟอกผมจนหนังศีรษะ เด็กวัยรุ่นทำผมพัง ล่าสุดร้านติดต่อครอบครัวแล้ว

คลิปดังกล่าวมีการแชร์อย่างรวดเร็ว พร้อมกระแสวิจารณ์ต่อการให้บริการของร้านดังกล่าว ทั้งเรื่อง ความปลอดภัยของเคมีฟอกสีผม การไม่ตรวจสอบสภาพหนังศีรษะ และการไม่มีผู้ปกครองรับรู้ก่อนเข้ารับบริการ จนเกิดแฮชแท็ก #ฟอกผมแสบหนังหัว #ร้านทำผมแพร่ และ #ดราม่าร้านเสริมสวย ติดเทรนด์บน TikTok และ Twitter ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

ร้านเสริมสวยออกแถลง “ไม่ทราบว่าอายุต่ำกว่า 18” ยินดีเยียวยาเต็มที่

ล่าสุดทางร้านเสริมสวยต้นเรื่อง ได้ออกมา ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของร้าน โดยระบุว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าน้องที่มาใช้บริการมีอายุเพียง 16 ปี และยืนยันว่า ไม่มีเจตนาทำให้เกิดอันตรายใดๆ ทั้งนี้ ได้รีบติดต่อไปยังคุณแม่ของเด็กหญิงรายดังกล่าวแล้ว พร้อมเสนอความช่วยเหลือดูแลทั้งค่ารักษาพยาบาล และการดูแลจิตใจของน้องอย่างเต็มที่

“ทางร้านต้องขอโทษจากใจจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข่าวทั่วไทย ทางร้านไม่มีเจตนาให้เกิดความเสียหายและไม่ทราบว่าน้องอายุต่ำกว่า 18 ปี หากทราบก่อนจะไม่ให้ทำแน่นอน ขณะนี้ได้ติดต่อแม่ของน้องแล้ว และยินดีดูแลทุกด้านให้ดีที่สุด”

ผู้เชี่ยวชาญเตือน “ฟอกผมไม่ใช่เรื่องเล่น” โดยเฉพาะกับวัยรุ่น

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ออกมาให้ข้อมูลเสริมว่า การฟอกสีผมจำเป็นต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมอย่างถูกต้อง และต้องตรวจสภาพหนังศีรษะก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ฮอร์โมนยังไม่คงที่ อาจเกิดอาการแพ้เคมีได้ง่าย และมีโอกาสสูงที่จะเกิด แผลไหม้ เคมีลอกหนังศีรษะ หรือผมขาดหลุดร่วงถาวร

กรณีของน้องวัย 16 ปีที่ฟอกผมจนเป็นแผลเหวอะ อาจถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลร้านเสริมสวย และความเข้าใจของผู้ใช้บริการวัยรุ่นที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการตัดสินใจเรื่องเสี่ยงต่อร่างกาย

โลกออนไลน์แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ทั้งเข้าใจร้าน และเรียกร้องมาตรฐาน

แม้หลายคนเข้าใจเจตนาดีของร้านที่ยินดีรับผิดชอบและออกมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็มีเสียงวิพากษ์จากชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่า เหตุใดร้านไม่สอบถามบัตรประชาชนหรือข้อมูลเบื้องต้นก่อนเริ่มทำผม โดยเฉพาะบริการที่มีการใช้สารเคมีเข้มข้น และมีความเสี่ยงสูงต่อผู้ใช้บริการ

บางคอมเมนต์ยังเรียกร้องให้มีการควบคุมร้านเสริมสวยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เช่น ต้องมี ใบรับรองจากสมาคมวิชาชีพ, อบรมความปลอดภัยในการใช้เคมี และควรมีระบบเซ็นยินยอมจากผู้ปกครองหากผู้ใช้บริการยังไม่บรรลุนิติภาวะ

บทเรียนสำคัญ: การดูแลเส้นผมไม่ควรมองข้ามความปลอดภัย

คดีนี้ทันเหตุการณ์ข่าวทั่วไทยสะท้อนว่าแม้การทำผมจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ ความประมาทในการใช้สารเคมีสามารถส่งผลเสียร้ายแรงถึงขั้นต้องเข้ารักษาโรงพยาบาล และส่งผลกระทบทางจิตใจได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะต่อวัยรุ่นที่มีความกังวลเรื่องภาพลักษณ์

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่