Friday, 24 May 2024

เด็กชาย 9 ขวบ โดนพ่อเลี้ยงทำร้าย ทุบตีจนทนไม่ไหว วิ่งหนีออกจากบ้านด้วยความกลัว

ข่าวทั่วไทย เหตุเกิดเมื่อกลางดึก เด็กชาย 9 ขวบ ทนไม่ไหวอีกต่อไปวิ่งฝ่าความมืดหนีไปจากบ้านพัก โดนพ่อเลี้ยงทำร้าย เขาไม่คิดจะออกตามหาและไม่สนใจใยดีลูกเลี้ยงแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่พอใจที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มายุ่งเรื่องในครอบครัว

สล็อต xo Slotxo

สลด! อย่าไปตาม..เดี๋ยวมันกลับมาเอง เด็กชาย 9 ขวบ ฝ่าความมืดวิ่งหนีตายออกจากบ้าน โดนพ่อเลี้ยงทำร้าย ไม่วายเอามีดฟันกู้ภัยที่จะไปตามหาหนูน้อย

อย่าไปตาม..เดี๋ยวมันกลับมาเอง เด็กชาย 9 ขวบ ฝ่าความมืดวิ่งหนีตายออกจากบ้าน

เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ เด็กหนีออกจากบ้านเพราะโดนพ่อเลี้ยงทำร้าย พลตำรวจโทสมภพ เชื้อทอง รองผู้กำกับปราบปราม สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งเหตุ ลูกเลี้ยงโดนพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนไม่สามารถทนรับบาดเจ็บอีกต่อไป หนูน้อยวิ่งหนีเข้าไปในความมืด แม่เด้กเร่งแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเพื่อนบ้านรอบข้างให้ช่วยออกตามหา

การที่แม่เด็กและชาวบ้านช่วยกันออกตามหาเด็กชายทำให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจอย่างมาก ก่อนที่เขาจะนำเอามีดมาออกไล่ฟันทั้งเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่ที่ตามมาทีหลัง ทุกคนวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ ถ.ท่ากระดานซอย 2 ม.1 ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ร้อยตำรวจเอก นพดล มลการนา รองสารวัตรปราบปราม สภ.เมืองชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่รุดลงพื้นที่เกิดเหตุในครั้งนี้ด้วย

โดนพ่อเลี้ยงทำร้าย ไม่วายเอามีดฟันกู้ภัยที่จะไปตามหาหนูน้อย เด็กชายวัย 9 ขวบ ลูกติดเมีย

ณ ที่เกิดเหตุ นายเอกรัตน์ วัย 40 ปี ขณะนั้นเขายืนบนถนนบริเวณใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมถึงชาวบ้านร่วมอยู่ในซอยถนนจำนวน 100 คน ทุกคนได้เข้าไปช่วยกันจับตัวของ นายเอกรัตน์ พ่อเลี้ยงของเด็กชาย ตอนนั้นเขาได้รอบมอบตัวกับทางตำรวจ

ตำรวจทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า ช่วงค่ำของวันเกิดเหตุทีมงานกู้ภัยสายชลชุมพร ได้รับแจ้งเหตุ ชาวบ้านโทรติดต่อของความช่วยเหลือ หลังจากที่เด็กชาย 9 ขวบ วิ่งหนีหายออกจากบ้านพักที่อยู่ภายใน ซ.ท่ากระดาน ซอย-2 หนูน้อยได้หายเข้าไปในความมืด ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน ทีมงานกู้ภัยร่วม 50 นาย นำเครื่องมือให้แสงสว่างรุดลงพื้นที่ช่วยเหลือ โดยแบ่งทีมงานออกเป็น 3 ชุด การปฏิบัติงานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่และตำรวจ เร่งตรวจค้นหาในระยะ 200-300 เมตร ในคลองน้ำและสวนพืชแปลงเกษตร

ขณะนั้นเอง นายเอกรัตน์ ผู้เป็นพ่อเลี้ยงเด็กชาย เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าหน้าเดินทางมากเยอะ เจ้าตัวเกิดความไม่พอใจก่อนที่จะเอะอะโววายออกมาลั่นว่า “ไม่ต้องไปหามันเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง” กู้ภัยไม่สนใจคำพูดของเขาและห่วงความปลอดภัยว่าเด็กจะได้รับอันตรายมากกว่า

เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการค้นหาผ่านไป 1 ชั่วโมง จนกระทั่งชาวบ้านได้มาพบเข้ากับเด็กชายที่ใส่ชุดนอนตามรูปที่ได้รับแจ้ง หนูน้อยวิ่งออกมาจากใต้แคร่ไม้และเมื่อเห็นคนก็วิ่งกลับเข้าไปซ่อนดังเดิม ชาวบ้านและทีมงานกู้ภัยช่วยกันคว้าเด็กออกมาได้ ซึ่งแคร่ไม้อยู่ในบ้านของญาติพ่อเลี้ยงที่เขามากินข้าวอยู่บ่อยครั้ง ตอนที่เขาไปซ่อนตัวไม่มีใครพบเห็น ตอนที่พบตัวเด็กมีอาการนิ่งเงียบไม่ยอมูพูดและยังตกใจกลัวอยู่มาก

ตำรวจพร้อมด้วยกู้ภัย ถอดเสื้อชุดนอนของเด็กชายออกมา จนเผยให้เห็นว่าตามร่างกายของทั้งหลังและบริเวณสะโพกมีรอยช้ำจากการเฆี่ยนตี รอยช้ำเป็นทางยาว นางสาวจันทร์เพ็ญ วัย 37 ปี แม่ของเด็กชายอุ้มลูกน้อย 2 ขวบมาดูลูกชายทั้งน้ำตาคลอเบ้า บาดแผลเต็มตัวลูกรู้เลยว่าเกิดจากการเฆี่ยนตีรุนแรง

ทางด้านของนายเอกรัตน์ ตอนนั้นยังคงมีอาการมึนเมาโวยวายไม่เลิก แต่เรื่องมันเริ่มบานปลาย เพราะนายเอกรัตน์ฉุกกระชากกับเพื่อนบ้าน ก่อนจะวิ่งไปคว้าเอามีดมาไล่ฟัน แต่ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปร่วมตัวเขาเอาไว้ได้ คุมตัวไปโรงพักดำเนินคดีความตามกฎหมาย

ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ&กู้ภัย ออกมาช่วยตามหาเด็กชาย 9 ขวบ โดนพ่อเลี้ยงทำร้ายจนหนีออกจากบ้าน

นางสาวจันทร์เพ็ญ แม่เด็กชาย ออกมากล่าวว่า เธอและนายเอกรัตน์ อยู่กินกันมาร่วม 4 ปีแล้ว จนกระทั่งทั้งสองมีลูกด้วยกัน ตอนนี้อายุได้ 2 ขวบ 5 เดือน แต่ยิ่งทั้งสองมีลูกด้วยกันกับทำให้ฝ่ายชายมีพฤติกรรมที่แย่ลงมาก ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน ส่วนลูกชายที่เพิ่งหนีออกจากบ้านเขาคือลูกติดของเธอเอง ทุกครั้งที่สามีเมาจะชอบมีพฤติกรรมที่รุนแรง ไม่พอใจอะไรก็ตบนตีลูกชาย 9 ขวบเสมอ เธอเห็นบ่อยครั้งก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตอนที่เธอท้องลูกคนที่สองก็ถูกตีจนเกือบจะแท้งลูกคนเล็ก…ลูกชายคนโต(เด็กชาย 9 ขวบ) เขาคงทนไม่ไหวกับความเจ็บปวดเลยวิ่งหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นเธอดูแลลูก 2 ขวบบนที่นอนไม่รู้ว่าลูกออกจากบ้านไปแล้ว ก่อนจะออกไปขอให้ชาวบ้านช่วยตามหา

นางสาวจันทร์เพ็ญ กล่าวต่อไปอีกว่า ทุกครั้งที่เมาสามีไปกินเหล้าจากนอกบ้านมา กลับมาก็จะตีลูกชายคนโตของเธอ เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้และพยายามอดทนก็เพื่อลูก เพราะตัวเองไม่มีเงินจึงไปไหนไม่ได้ สามีคนนี้ยังเคยพูดขู่ฆ่าถ้าเธอหอบลูกหนีไปจากเขา แต่เมื่อเรื่องมันมาจนถึงขั้นนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป จะเอาเรื่องสามีให้ถึงที่สุด และทำการติดต่อญาติที่อยู่ในกรุงเทพให้มารับเธอกับลูกไปอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัย 10 นาย เดินทางไปที่โรงพักเพื่อแจ้งความจับ นายเอกรัตน์ เพราะเขาก่อเหตุไล่ฟันด้วยมีดหวังจะทำร้ายเอาชีวิต เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ไปช่วยค้นหาเด็กชายที่เป้นลูกเลี้ยงของผู้ก่อเหตุ