ไฟไหม้ตึกชั้น 40 ย่านคลองสาน อพยพกันหนีตายสนั่น โชคดีขนาดเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในห้อง

ข่าวไฟไหม้ตึกชั้น 42 ห้างคลองสาน ช่วงบ่ายของวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่เร่งรุดลงตรวจสอบพื้นที่ทันทีหลังได้แจ้งเหตุ ผู้อาศัยจำนวนมากต่างวิ่งวุ่นหนีจากความตาย นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีห้องที่เกิดไฟไหม้ไม่ได้มีคนอยู่อาศัยในเวลานั้น หลังทราบว่าผู้มาเช่านั้นเป็นครอบครัวของชาวต่างชาติ

ไฟไหม้ตึกชั้น 40 บ้านคลองสาน ทำเอาหลายคนแตกตื่นวิ่งหนีกันวุ่น ผู้อาศัยทั้งไทยและต่างชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ จำนวน 42 ชั้น ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่คลองสาน โดยพลตำรวจโทสมบัติ ดำกำเนิด สารวัตรปราบปราม สน.สำเหร่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บนชั้น 40 ของอาคารสายชลแมนชั่น ถ.เจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ในเบื้องต้นเจ้าหนี้ได้ประสานงานดับเพลิงจาก สปภ.คลองสาน รวมไปถึงได้ประสานงานเจ้าหน้าที่และรถดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาทุกข์สาธารณภัย 3 คัน ก่อนจะรู้เดินทางมายังแมนชั่นที่เกิดเหตุ

เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปถึงที่เกิดเหตุ ในการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่าอาคาร b ชั้นที่ 40 โดยมีห้องหนึ่งได้เกิดกลุ่มควันและแสงไฟพุ่งออกมาจากห้องนอน เจ้าหน้าที่เร่งประกาศและอพยพผู้อาศัยรายอื่นๆออกจากอาคาร โดยผู้อาสามีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ไม่รีบหนีกันจ้าละหวันลงมายังด้านล่างมารวมตัวกันที่สนามหลายร้อยคน

ในขณะที่อพยพผู้พักอาศัยลงมาจากอาคารเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเฉพาะกิจดับเพลิงก็ได้ขึ้นไปยังจุดเกิดเหตุที่เป็นห้องที่ส่งกลุ่มควันและเปลวเพลิงออกมา หน้าที่ได้นำสายน้ำเข้าไปดับเพลิงเพื่อควบคุมสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ใช้เวลา 15 นาทีจนทำให้เพลิงดังกล่าวสงบลงได้

ในเบื้องต้นได้มีการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นพบว่าเตียงนอนและข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในห้องนอนทั้งหมดถูกไม่เกรียมพังเสียหาย ซึ่งห้องนอนดังกล่าวนั้นมีขนาด 20 ตารางเมตร แต่ยังนับเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมากที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตภายในเหตุการณ์เพลิงไหม้ เนื่องจากไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้สืบค้นรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของแมนชั่นดังกล่าว จึงได้ทราบว่าห้องที่เกิดเหตุนั้นผู้พักคือครอบครัวชาวอินเดีย มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ระหว่างที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในห้องเลย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร ก่อนที่จะมีการเร่งติดตามให้ผู้เช่าห้องดังกล่าวมาสอบปากคำต่อไปที่โรงพัก และจึงจะมีการดำเนินตามกฎหมายอื่นๆ