ดราม่าร้อนวงการบิวตี้: แอมมี่ กิติยา ฉะตรงๆ แบรนด์ L ไม่มีงบ–บรีฟเยอะ สุดท้ายคือ LOVEPOTION

ดราม่าร้อนวงการบิวตี้: แอมมี่ กิติยา ฉะตรงๆ กลายเป็นกระแสร้อนแรงในวงการ บิวตี้บล็อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ไทย เมื่อ แอมมี่ กิติยา บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ออกมาโพสต์ข้อความยาวลงโซเชียลข่าวบันเทิงวันนี้ล่าสุด มีใจความพาดพิงถึงแบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์หนึ่งที่ใช้อักษรย่อ “L” ถึงพฤติกรรมการติดต่อรีวิวสินค้าแบบไม่มีค่าตอบแทน พร้อมแนบ บรีฟละเอียดระดับมือโปร แต่กลับระบุว่า “ไม่มีบัจเจท”

โพสต์สุดเดือด แอมมี่ กิติยา ฉะตรงๆ สะท้อนความในใจของอินฟลูเอนเซอร์

แอมมี่ กิติยา ได้โพสต์ข้อความที่เรียกได้ว่า สะท้อนใจและตรงประเด็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนในแวดวงคอนเทนต์สายความงาม ที่มักถูกคาดหวังให้สร้างผลงานคุณภาพสูงภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม

“ไม่มีงบ แต่อยากได้รีวิวแบบจัดเต็ม พร้อมส่งบรีฟละเอียดเกินกว่าที่บางงานมีค่าตัว” – คือหนึ่งในประโยคที่กลายเป็นไวรัล ข่าวบันเทิงไทย โพสต์ดังกล่าวจุดกระแสถกเถียงว่า การทำงานของอินฟลูเอนเซอร์ควรได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมหรือไม่ เมื่อมีแบรนด์บางส่วนที่ยังไม่เห็นคุณค่าของเนื้อหาและเวลา

ชาวเน็ตโยง “แบรนด์อักษรย่อ L” คือใคร?

แม้ในโพสต์ของแอมมี่จะไม่ได้ระบุชื่อแบรนด์ตรงๆ แต่ชาวเน็ตจำนวนมากต่างพุ่งเป้าไปยังแบรนด์ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นด้วย L ซึ่งมีลักษณะตรงกับคำใบ้ในโพสต์ ทั้งในเรื่องของกลิ่นหอม, การทำตลาดออนไลน์ และการเคยทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์มากมาย

จนกระทั่งในเวลาต่อมา “ซ้อก้าด” หรือเจ้าของแบรนด์ LOVEPOTION ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเพจของแบรนด์เอง โดยขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าอาจมีการสื่อสารผิดพลาดจากทีมงาน พร้อมยืนยันว่าจะนำไปปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น

ซ้อก้าดโพสต์ขอโทษ ยอมรับความผิดพลาด พร้อมเดินหน้าพัฒนา

ในโพสต์ของ ซ้อก้าด เจ้าของแบรนด์ LOVEPOTION เธอได้กล่าวขอโทษต่อแอมมี่โดยตรง รวมถึงขอบคุณทุกเสียงสะท้อนที่ทำให้ทีมงานตระหนักถึงความผิดพลาด โดยเธอยังกล่าวด้วยว่า

“ในฐานะเจ้าของแบรนด์ ดิฉันต้องรับผิดชอบ และเราจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

การออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หลายคนมองว่า ซ้อก้าดมีวุฒิภาวะและพร้อมพัฒนาแบรนด์ในทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างแต่หลายเสียงก็เห็นด้วยว่าควรให้โอกาสกับคนที่พร้อมเรียนรู้

สะท้อนภาพกว้างของวงการอินฟลูเอนเซอร์

เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นกระจกสะท้อนว่า “การทำงานของอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” เพราะเบื้องหลังของภาพสวยๆ หรือคลิปสั้นๆ บนโซเชียล มักต้องแลกมาด้วยเวลา การลงทุน และความคิดสร้างสรรค์

หลายคนเริ่มพูดถึง “แรงงานที่มองไม่เห็น” ในวงการนี้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันทางการตลาดสูง และอินฟลูเอนเซอร์คือหนึ่งในหัวใจของการสื่อสารแบรนด์

เสียงจากชุมชนออนไลน์ เรียกร้อง “ความเป็นธรรม” มากกว่า “ไวรัล”

ภายหลังการโพสต์ของทั้งแอมมี่และซ้อก้าด ชาวโซเชียลมีการพูดถึงในวงกว้างข่าวบันเทิงล่าสุด ทั้งในมุมของ สิทธิในการปฏิเสธงานฟรี, ความเหมาะสมของบรีฟจากแบรนด์, และ การเคารพซึ่งกันและกันในการทำงานร่วมกัน

นี่ไม่ใช่เพียงแค่ดราม่าชั่วคราว แต่เป็นโอกาสในการ ตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมของวงการอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงบทบาทของแบรนด์ในการเคารพความสามารถของครีเอเตอร์

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่