รักและสูญเสีย: “พระโย” เปิดใจ วินาทีสุดท้าย ก่อนตัดสินใจจบชีวิต

รักและสูญเสีย: “พระโย” เปิดใจ เรื่องราวสะเทือนใจของ “พระโย” ที่เกี่ยวข้องกับกรณีการปลิดชีพตนเองของหนึ่งใน “คู่รัก LGBT” กลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมเมื่อไม่นานมานี้ ทะเลาะวิวาทโดยเบื้องลึกเบื้องหลังคือการลงทุนร่วมกันสร้าง “คาเฟ่ 30 ล้าน” ที่มีความหวัง ความฝัน และความรักซุกซ่อนอยู่เต็มร้าน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นฉากสุดท้ายของความสูญเสีย

จากคนรักสู่คนไล่ – เผยปมลับ “พระโย” เปิดใจ กับความรัก LGBT ที่ไม่ถูกรับ

“พระโย” เปิดใจเล่าผ่านสื่อว่า เคยอยู่ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายกำลังวางแผนอนาคตร่วมกัน การเปิดร้านคาเฟ่ที่ลงทุนถึง 30 ล้านบาทนั้นไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจ แต่คือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตคู่ในแบบที่พวกเขาเชื่อมั่น ความรักระหว่างคนสองคน ไม่ว่าจะเพศไหน ควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม ทว่าเส้นทางกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

จากความรักสู่ความร้าวราน: ถูก “บ้านฝ่ายชาย” ขับไล่ ก่อนจบชีวิตหน้าร้านคาเฟ่

ปมสำคัญที่กลายเป็นจุดหักเหของเรื่องนี้คือ “บ้านฝ่ายชายไม่ยอมรับความสัมพันธ์” ของคู่รัก LGBT คู่นี้ แม้ทั้งสองจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ อาชญากรรมรวมถึงเงินลงทุนก้อนโตให้กับ “คาเฟ่ 30 ล้าน” ที่หวังจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ แต่สุดท้ายหนึ่งในนั้นกลับถูกขับไล่ออกจากบ้าน และไม่สามารถเข้าใกล้ร้านได้อีก

ความรู้สึกที่พังทลาย ความฝันที่ถูกเหยียบย่ำ และความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้น กลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการ ปลิดชีวิตตนเองหน้าร้านคาเฟ่ ซึ่งไม่เพียงแต่สะเทือนใจญาติและคนใกล้ชิด แต่ยังจุดกระแสวิพากษ์ถึงการยอมรับในความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง

“พระโย” ให้สัมภาษณ์ต่อว่า แม้ตนจะละทางโลกแล้ว แต่ความรู้สึกเสียใจก็ยังตามติด เพราะเคยเห็นทั้งสองคนมีความสุขมากแค่ไหนในช่วงเวลาที่สร้างคาเฟ่ด้วยกัน “มันไม่ควรจบแบบนี้เลย” คือประโยคที่สะท้อนความหดหู่ของทุกฝ่ายที่เคยเห็นความรักของพวกเขาเบ่งบาน

สะท้อนภาพสังคม: เมื่อความหลากหลายยังไม่ได้รับการยอมรับ

กรณีของ “พระโยและคู่รัก LGBT” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะมันคือบทพิสูจน์ว่า แม้คนเราจะรักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ลงทุนด้วยกันเพื่ออนาคต แต่ถ้าสังคมรอบข้างยังไม่เปิดใจ ก็อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมเช่นนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยากล่าวว่า เหตุการณ์ข่าวอาชญากรรมแบบนี้มักเกิดจาก “การกีดกันทางสังคมและครอบครัว” ซึ่งทำให้ผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์รู้สึกหมดหนทาง เมื่อไม่มีทั้งพื้นที่ให้ยืน และไม่มีเสียงสนับสนุนให้ลุกขึ้นสู้

การลงทุนไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่คือชีวิตของสองคน

การเปิด “คาเฟ่ 30 ล้าน” สำหรับใครหลายคนอาจดูเป็นเรื่องของตัวเลข แต่สำหรับคู่นี้ มันคือความฝันที่ใช้ใจและชีวิตร่วมกันสร้างขึ้นมา ทุกองค์ประกอบภายในร้าน ล้วนถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และสื่อสารตัวตนของพวกเขา

การเสียชีวิตของหนึ่งในผู้ลงทุนไม่เพียงแต่ทำให้ร้านเงียบเหงา แต่ยังทำให้เกิดคำถามว่า สุดท้ายแล้ว คนเราสามารถรักษาทั้งความรักและธุรกิจไปพร้อมกันได้จริงหรือไม่ หากขาดแรงสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม

บทเรียนจากความเศร้า: ถึงเวลาเปิดใจรับความหลากหลาย

บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้คือการผลักดันให้สังคมไทย ยอมรับความหลากหลายทางเพศ อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ในเชิงวาทกรรม แต่ในระดับครอบครัว ชุมชน และสื่อกระแสหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเศร้าแบบนี้เกิดขึ้นอีก

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่