หวั่น! เกรงว่านักโทษที่เคยจับกุมทำร้าย ราชทัณฑ์ ตัดสินใจย้าย ผกก.โจ้ ไปฝากคุมขังที่คุกจังหวัดพิษณุโลก

รายงานข่าวล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ราชทัณฑ์ ตัดสินใจย้าย ผกก.โจ้ ไปฝากคุมขังที่คุกจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากที่เรือนจำนครของสวรรค์เป็นประเภทเรือนจำสีแดง และในส่วนเรือนจำกลางพิษณุโลกก็ยังมีความมั่นคงสูงกว่านครสวรรค์เป็นอย่างมาก

ราชทัณฑ์ ตัดสินใจย้าย ผกก.โจ้ ไปฝากคุมขังที่คุกจังหวัดพิษณุโลก เพื่อความปลอดภัยจากการทำร้ายจากผู้ต้องหาที่เคยถูกจับกุม

กรณี ราชทัณฑ์ ตัดสินใจย้าย ผกก.โจ้ ไปฝากคุมขังที่คุกจังหวัดพิษณุโลก ณ ศาลประจำจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้มีการส่งหนังสือยื่นคำร้อง เพื่อจะดำเนินการขอฝากขังครั้งแรกสำหรับผกก.โจ้ หรือชื่อเต็มคือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ในวัย 39 ปี เดิมที่ผกก.โจ้ เป็นชาวกรุงเทพฯ และเป็นอดีตผกก. ประจำ สภ.เมืองนครสวรรค์ ส่วนในปัจจุบันนี้เป็นจำเลยหรือนักโทษในการกระทำความผิด เนื่องจากเป็นหนึ่งเจ้าพนักงานที่เข้าร่วมกันปฏิบัติหรือกระทาการละเว้น กระทำการปฏิบัติงานโดยมิชอบ ทั้งนี้ยังทำให้ผู้อื่นผู้ใดผู้หนึ่งเสียหาย พร้อมยังมีการรวมกันกระทำการฆ่าผู้อื่นด้วยการข่มขู่อย่างทารุณจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ทั้งนี้ผกก.โจ้ ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้แถลงการ์ด้วยว่า ได้มีการสอบสวนและได้มีการควบคุมตัวผกก.โจ้ ได้มีการจับกุมครบ 48 ชั่วโมงมาแล้ว อย่างไรก็ตามการดำเนินการสอบสวนก็ยังไม่ได้จบสิ้น เนื่องมาจากต้องมีการสอบสวนจากปากพยานอีกทั้ง 10 ราย ขณะนี้ต้องรอผลจากการตรวจสอบในส่วนของประวัติว่าผกก.โจ้เคยต้องโทษในส่วนอื่นใดมาก่อนหรือไม่ โดยมีการดำเนินการฝากขัง 12 วันไว้ก่อน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม – 7 กันยายน 2564 โดยมีคำสั่งขอการคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ทำให้ผู้คนสะเทือนขวัญ ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ จึงมีอัตราโทษสูงทั้งยังประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ต้องมากระทำผิดเสียเอง ถ้าหากมีการปล่อยตัวเป็นการชั่วคราวจึงไม่เป็นการสมควร อาจจะทำให้หลักฐานคาดเคลื่อน จึงเป็นเหตุส่งยื่นขอฝากขัง ทั้งนี้ศาลได้มีการอนุญาตฝากขังแล้ว

เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ยังมีการยื่นหนังสือขอฝากขังเพิ่มเติม ขอยื่นฝากขัง ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา วัย 55 ปีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนทำความผิดร่วมกับเหตุการณ์นี้ด้วย และมีโทษฐานในการกระทำผิดเหตุการณ์เหมือนกันกับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และมีการฝากขังโดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวเช่นเดียวกัน

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาเปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของเรือนจำจับกุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ พร้อมกับนายตำรวจผู้อยู่ใต้บัญชาทั้ง 7 คน นำตัวไปฝากขังไว้พร้อมเพียงกันที่เรือนจำกลางจังหวัดพิษณุโลก สาเหตุสำคัญที่ฝากขัง เรือนจำนครสวรรค์จัดเป็นเรือนจำประเภทสีแดง จึงต้องขอฝากขังที่พิษณุโลก ในส่วนของทนายความที่มีความประสงค์จะเข้าพบจะอนุญาตให้สื่อสารผ่านทางระบบออนไลน์

นายอายุตม์ ได้แถลงเพิ่มด้วยว่าทางด้านของ เรือนจำกลางพิษณุโลกนั้น มีความมั่นคมากกว่าเมื่อเทียบกับเรือนจำนครสวรรค์ อาจจะเนื่องมาจากที่คุมขังแบ่งเป็นหลายแดน ผู้ต้องหาทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจมาก่อนแล้วจะไม่ถูกนักดทษที่อยู่ในคุกจำหน้าได้ด้วย แต่ก็ยังหวั่นถ้าหากมีผู้ต้องขังที่จำหน้าได้ จึงต้องแยกผู้ต้องหาอกจากนักโทษปกติทั่วไป ส่วนการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ จะทำตามมาตรการป้องกันโควิดของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว โดยแยกกักตัว 21 วัน หากตรวจพบติดเชื้อโควิด ถ้าเป็นกลุ่มสีเขียวจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์และฟ้าทะลายโจรแล้วแต่อาการ ในกรณีส่วนของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือผกก.โจ้ ผู้ต้องหานั้นมีอาการความเครียดสูงพร้อมทั้งยังเคยกระทำการฆ่าตัวตาย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดหานักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อเข้าพูดคุย ทั้งนี้ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงไปมากกว่าผู้ต้องหาทั้ง 7 นาย เพราะห้องคุมขังมีกล้องวงจรปิดติด ผู้ต้องหาทั้ง 7 นายนั้นต้องถูกคุมขังและถูกปฏิบัติเหมือนกันกับนักโทษคนอื่นๆทั่วไป