หลานคลั่ง !! ใช้ขวานฟันย่าแท้ๆ ดับ นำรถจักรยานยนต์มาทับ ก่อนจะจุดไฟเผา

นักข่าวอาชญากรรมรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2564 เวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับแจ้งเหตุ หลานคลั่ง ใช้ขวานฟันย่าแท้ๆ จึงได้มีการนำกำลังออกไประงับเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 บ้านยางเครือพัฒนา ต.นาป่าแซง อ.ปทุมราชวงศา พบนายอำคา อายุ 38 ปี ที่กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งใช้ขวานฟัน นางหนู อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นย่าแท้ๆของนายอำคา ก่อนจะทำการจุดไฟเผาร่างของนางหนู โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ต่างพากันหวาดกลัวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

หลานคลั่ง ใช้ขวานฟันย่าแท้ๆ ดับ ก่อนจุดไฟเผา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 นักข่าวได้มีการเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พบนายสุริยัน อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายอำคา อายุ 38 ปี คนร้ายก่อเหตุ ซึ่งนายสุริยันต์ เล่าว่า ช่วงสายของวันที่ 12 กันยายน 2564 ก่อนที่จะเกิดเหตุ นายอำคา ซึ่งเป็นคนร้ายผู้ก่อเหตุ ได้มีการเดินทางกลับมาจากบ้านของภรรยา ซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านใกล้เคียง

เมื่อถึงระหว่างทางนายอำคาได้มีการประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม ซึ่งผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ได้มีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รถกู้ชีพฉุกเฉิน 1669 นำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมราชวงศา จากนั้นก็ได้มีการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ ซึ่งตนและแม่ได้มีการเดินทางตามไปที่โรงพยาบาล ก็พบว่านายอำคากำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งทำลายทรัพย์สินของทางโรงพยาบาล โดยใช้กำปั้นทุบที่ประตูอาคารผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลอำนาจเจริญ ทำให้กระจกแตกเสียหาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุ จึงได้มีการติดต่อให้แม่และตนไปเกลี้ยกล่อม เมื่อแม่ไปยังที่เกิดเหตุถึงได้ทำการเกลี่ยกล่อม นายอำคาจึงยอมที่จะขึ้นรถกลับบ้าน โดยก่อนที่จะกลับบ้านก็ได้มีการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ฐานทำลายทรัพย์สินของโรงพยาบาลอำนาจเจริญพร้อมกับเซ็นยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย

ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านของนายอำคา ก็ได้มีการอาการคลุ้มคลั่งจะฆ่าแม่ของตนเอง โดยบอกว่าไม่ใช่แม่ ได้กล่าวหาว่าแม่เป็นใครก็ไม่รู้ เมื่อมาถึงบ้านก็ได้มีอาการคลุ้มคลั่งอย่างหนัก ตนจึงได้ให้แม่ไปซ่อนที่อื่นก่อน เนื่องจากกลัวว่าจะถูกทำร้าย

ต่อมาได้มีชาวบ้านเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล นายอำคายิ่งอาละวาดหนักกว่าเดิม เกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายชาวบ้านที่เข้ามาช่วยห้าม ทางญาติพี่น้องจึงได้ไปตาม นางหนู ซึ่งเป็นย่าของผู้ก่อเหตุให้เข้ามาเกลี้ยกล่อม เนื่องจากนายอำคาเชื่อฟังย่าเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุนางหนูก็ได้เดินเข้าไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมกับนายอำคา แต่ก็ไม่เป็นผล

นายบุญ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นอาของผู้ก่อเหตุ เดินตามเข้าไปด้วย เนื่องจากกลัวว่านายอำคาจะทำร้ายร่างกายนางหนู เมื่อเดินไปถึงนายอำคาได้มีการขว้างขวานที่อยู่ในครัวมาฟันนายบุญ นายบุณจึงได้มีการยกแขนขึ้นมากัน จึงได้ถูกฟันเข้าที่แขนขวา นายบุญจึงได้วิ่งหนีออกมา

นายอำคาได้วิ่งตามออกมาจากทางหลังบ้านแต่ทว่าตามไม่ทัน จึงได้วิ่งกลับเข้าไปหานางหนู ก่อนจะใช้ขวานฟันเข้าที่ท้ายทอย จนนางหนูล้มลงไปกับพื้น อีกทั้งยังได้ฟันซ้ำอีกหลายครั้ง กระทั่งนางหนูแน่นิ่งไป นายอำคาได้ลากรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ใกล้ๆจำนวน 2 คัน มาทับร่างของนางหนูและเศษไม้ เศษผ้า ที่วางอยู่ใกล้ๆมาทับตัวนางหนู ก่อนจะทำการจุดไฟเผา

ขณะที่กำลังเผา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง นายอำคาเห็นรถตำรวจจึงได้เอาแท่งเหล็กขว้างใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจจนด้านข้างคนขับแตก เคราะห์ดีที่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกัน ได้มีชาวบ้านขับรถผ่านมา นายอำคาจึงได้ถือขวานวิ่งไล่ฟันชาวบ้านที่ขับรถผ่านมา จึงได้ทิ้งรถจักรยานยนต์วิ่งหนีไป

นายอำคา ได้นำเอารถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่ทิ้งเอาไว้ไปจุดไฟเผา ที่กระท่อมข้างทางอีกคัน รวมทั้งหมด 3 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงได้สามารถทำการควบคุมตัวนายอำคาเอาไว้ได้ พร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมราชวงศา เพื่อที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ

พันตำรวจเอก สุทธิกาจน์ ฟักทอง ผกก. สภ ปทุมราชวงศา เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อำพรางศพ และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ได้มีการนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อเข้าฝากขังในวันพรุ่งนี้ สาเหตุของการคลุ้มคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการใช้สารเสพติด