กยศ-ยันไม่ล้างหนี้!!หลังมีกลุ่มคนล่ารายชื่อยื่นแก้ไขกฎหมาย “ยกเลิก” หนี้ กยศ.

กยศ-ยันไม่ล้างหนี้ ผู้จัดการอธิบายบอกว่าถ้าหาก “ยกเลิก” จะทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่มีทุนมีทรัพย์น้อยหมดโอกาสทางการศึกษา  ข่าวเด่นออนไลน์ หลังมีกลุ่มคนล่ารายชื่อยื่นแก้ไขกฎหมาย “ยกเลิก” หนี้ กยศ. จนกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ชาวเน็ตนั้นมีความเห็นแตกออกเป็นสองฝั่ง

กยศ-ยันไม่ล้างหนี้ ชี้หากยกเลิกจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ “กยศ.” นั้นได้ออกมาอธิบายในประเด็นที่สังคมออนไลน์นั้นกำลังนำมาถกเถียงกัน หลังมีกลุ่มคนล่ารายชื่อยื่นแก้ไขกฎหมาย “ยกเลิก” หนี้ กยศ. จนกลายเป็นประเด็นดราม่าที่ชาวเน็ตนั้นมีความเห็นแตกออกเป็นสองฝั่ง ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ #ล้างหนี้ กยศ.

กองทุนเป็นหน่วยงานของทางการที่เปิดให้บริการแบบเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้มีการแสวงประโยชน์ใดๆและไม่ได้หาผลกำไร สร้างขึ้นมาเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ที่มีความประสงค์อยากเรียน โดยการให้กู้ยืมเงินดังกล่าวด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และให้ระยะเวลาในการเลือกผ่อนชำระได้นานมากถึงสิบห้าปี และในตอนนี้ก็มีผู้คนที่ได้รับโอกาสในการศึกษาเป็นจำนวน 6,217,458 คน คิดเป็นเงินให้กู้ยืมมากกว่า 696,802 ล้านบาท ภายในกองทุนมีเงินหมุนเวียนจากการชำระหนี้ส่วนนี้คืนมากกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี

ส่งผลให้กองทุนมีเงินสำรองนำมาให้นักเรียนนักศึกษาที่ไม่มีกำลังทรัพย์รุ่นต่อมาได้กู้ยืม โดยที่ไม่ต้องไปนำงบประมาณของแผ่นดินมาใช้จ่าย ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา และในปีการศึกษา 2565 ทางกองทุนได้เตรียมเงินมากกว่า 38,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 600,000 คน และในช่วงที่ผ่านมา กยศ. นั้นได้ให้โอกาสและช่วยเหลือประชาชนทางการศึกษามาโดยตลอดและการขอ “ยุติงดจ่ายหนี้ กยศ.” ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีและก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีในการเข้าถึงการศึกษาของคนที่ยากจน นอกจากจะส่งผลเสียให้งบประมาณแผ่นดิน

แล้วยังส่งผลเสียต่อบรรทัดฐานของสังคมในหลายๆด้าน เช่น ด้านความซื่อสัตย์สุจริต ด้านความรับผิดชอบของประชาชน และด้านการรักษาวินัยทางการเงินของคนคนไทย ที่จะเป็นอนาคตของประเทศในวันข้างหน้า และในตอนนี้ ก็มีจำนวนผู้กู้ยืมที่อยู่ในช่วงชำระหนี้ประมาณเกือบสี่ล้านคน คิดเป็นยอดหนี้คงเหลือค้างจ่ายจำนวนเกือบสี่ร้อยล้านบาท หาก “ยุติการชำระหนี้ให้ผู้กู้” จะส่งผลเสียทำให้เด็กรุ่นหลังนั้นไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ทั้งที่พวกเขานั้นอยากจะศึกษาแต่ไม่มีเงิน

และในตอนนี้กองทุนอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนกฎหมาย เรื่องการผ่อนลดหย่อนและมาตรการช่วยเหลือลดภาระของผู้กู้ยืม โดยจะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้สิน การแปลงหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระและจะทำการลดอัตราเบี้ยปรับ ให้มีความเหมาะสมมากกว่าที่เคยเป็นในช่วงที่ผ่านมา และในตอนนี้กองทุนได้ยืดเวลาการใช้หนี้สินให้ยาวมากกว่าเดิม ตามมาตรการลดปัญหาค่าใช้จ่ายหนี้สินให้เข้าช่วยเหลือผู้กู้ยืมอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยจะมีการลดอัตราการคิดเบี้ยปรับลดเหลือ 0.5% ต่อปี

สำหรับคนกู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายทางการจะมีมาตรกาช่วยเหลือปรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมลงเหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์ต่อปี สำหรับคนกู้ยืมที่อยู่ในช่วงของการผ่อนชำระเงินคืนกองทุนที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้จะได้ส่วนลดเงินต้นลงมากถึงห้าเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้สิน และต้องการปิดบัญชีครั้งเดียวเลยนั้น จะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยปรับลงมากถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ยืมทุกประเภทที่ชำระหนี้สินแบบปิดบัญชีจะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยลงทันทีแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พร้อมกันกับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถึงขั้นดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ) และทางกองทุนได้มีมาตรการ

• ชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี
• ชะลอการบังคับคดีไว้
• เว้นแต่คดีที่จะใกล้ขาดอายุความ
• งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้กู้ยืม
• งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ค้ำประกัน