ดราม่าสามเณรเข้ายิม เล่นครบทุกอย่าง วิ่งลู่ ยกน้ำหนัก ชาวพุทธว่าไง?

เมื่อไม่นานมานี้ดราม่าสามเณรเข้ายิม ข่าวล่าสุด ชาวเน็ตทำงานหนักถกกันเสียงแตก ผิดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ แก๊งผ้าเหลืองคล้ายยกมาทั้งวัดที่เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด แบบนี้ไม่ใช่เป็นการสำรวมเอาเสียเลย ชาวพุทธจะมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างงไปดูกันเลย

แชร์สนั่น! คอมเมนต์ถล่ม! ดราม่าสามเณรเข้ายิม สรุปทำได้หรือไม่ ตามแนวทางของกพระพุทธเจ้า ชาวเน็ตบางรายยังเห็นว่าสามารถทำได้

ในวันที่ 1 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ภาพจนกลายเป็นดราม่าสามเณรเข้ายิม ทำให้ชาวเน็ตต้องมาถกกันอีกครั้ง โดยภาพดังกล่าวนี้ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา มีการออกมาโพสต์ข้อความและระบุออกประมาณว่าเรื่องสุขภาพของกพระสงฆ์ที่หลวงพ่อไม่เข้าใจในวิถีของพระสงฆ์และสามเณร นอกจากนี้ยังมีนักวิทยาศาสตร์ด้านสุขภาพซึ่งเป็นเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพ ภาพปรากฏชัดว่ามันอยู่ในสถานที่มิดชิด ดูเหมือนโรคอ้วน “NCD” มันแทบจะไม่มีสักชุดเดียวโดย “หมอต่าย” @พระไพศาลประชาทร วิ.

ไม่นานนักภาพที่แชร์บนโลกออนไลน์ได้ถูกเผยกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ชาวเน็ตต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นและการกระทำดังกล่าวนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม แม้ว่าการออกกำลังกายนั้นจะเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงและยังทำให้กล้าเนื้อบนร่างกายดูสวนงามอีกด้วย แต่ชาวเน็ตยังมองว่า..การออกกำลังกายแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการแต่งตัวสวยงามอยู่ดี เพราะอย่างไรก็ตามการปฏิบัติธรรมของพระธรรมวินัยหลายกิจวัตรเอื้อต่อการออกกำลังหลายอย่างที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพ การเดินบิณฑบาตตอนเช้า การเดินจงกรม และการปัดกวาดลานวัดบ่อยๆ มากกว่านั้นยังมี “วิชาหลักโภชนาการ” (โภชเนมัตตัญญุตา) พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนเอาไว้ว่า ถ้าทำตามกิจวัตรประจำตามมที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนเอาไว้มันก็เป็นการออกกำลังกาย แทบจะไม่จำเป็นและหลายคนมองว่าใครที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นั่นไม่ถือว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดี

อย่างไรก็ตามชาวเน็ตยังมองย้อนกลับไปช่วงที่ประเทศไทยมีเครื่องขยายเสียงใหม่ๆ ตอนั้นพระสงฆ์นำเอาไมโครโฟนมาใช้เทศนาธรรมยังโดยมองว่าไม่เหามะสม แต่บางก้มักไม่ได้มองที่เจตนาเท่าไหร่นัก มักจะมองแค่สิ่งที่เห็นยึดตามความเคยชินที่เคยปฏิบัติมาตัดสิน สุขภาพไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องผิดหรือถูก

บางออกมาแสดงความเป็นกลางเอาไว้ก่อน หากมองให้เป็นเรื่องที่ดี แต่ใครที่มองไม่ดีก็จะเป้นแต่สิ่งที่ไม่ดี เพราะความจริงอย่างที่รู้ “พระ” คือ “คน” ส่วนการออกกำลังกายมันก็เป้นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนสมควรที่จะทำ ย้อนกับไปในสมัยพุทธกาลหากเอามาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน แต่ก่อนมีแกงกะทิหน่อไม้ กะเพราะหมูกรอบ มีน้ำหวานชาเย็น สมัยนั้นยังไม่มีให้กินเลย พฤติกรรม  แต่ละยุคแต่ละสมัยมีการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมือนกัน แค่การเดินบิณฑบาตก็นับว่าเป็นการเผาผลาญพลังงานอย่างหนึ่งแล้ว ในปัจจุบันอาหารที่เรากินในแต่ละวันอาจจะต้องใช้การเผาผลาญที่มากกว่า…