น้า-หลานเจอดี หลังกักตัวในศาลาพักศพ เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ ผีสาวมาหลอก 5 คืนติด เรียกไปอยู่ด้วย อยากเอาไปทำเป็นผัว

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวล่าวสุด เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 กรณี น้า-หลานเจอดี หลังกักตัวในศาลาพักศพ ผีสาวมาหลอก 5 คืนติด ผวาหนักถูกผีพยายามเข้าสิงขึ้นคร่อมตัว บางวันมาบีบนวดแขน-ขาให้ จนไม่ได้รับได้นอน รีบแจ้งญาติหาหมอผีเข้ามาปรามผีดังกล่าว

น้า-หลานเจอดี หลังกักตัวในศาลาพักศพ วัดแห่งหนึ่งในตำบลบ้านสิงห์ เชื้อ ผีสาวมาหลอก 5 คืนติด ติด ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผวาหนักรับแจ้งญาติหาหมอผีมาปราบ “ไม่อยากเป็นผัวผีสาว”

รายงาน น้า-หลานเจอดี หลังกักตัวในศาลาพักศพ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจาก 2 น้า-หลาน ได้เดินทางกลับมาจากการไปทำงานที่ต่างจังหวัดจึงได้มีการกักตัวก่อนเข้าหมู่บ้านไปเยี่ยมญาติ เพราะทั้ง 2 เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ ตามนโยบายมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19

น้า-หลาน ต้องไปกักตัวที่วันบ้านสิงห์ แต่เมื่อเข้าไปกักตัวก็เจอเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวชวนขนลุก ตั้งแต่คืนแรก ไม่รู้ว่าไปนอนทับที่ใครเขาหรือไม่ เนื่องจากทั้งสองคนต่อนอนกักตัวที่ศาลาพักศพของวัดในหมู่บ้าน ถูกผีสาวพยายามมาเข้าสิ่ง มานั่งคร่อมตัว บ้างมาบีบนวดแขนขา โดนผีหลอกหลายคืนจนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ผีอยากเอาไปเป็นผัว ผวาหนักรีบโทรแจ้งเล่าเรื่องให้ญาติฟังและรีบหาหมอผีมาปราบวิญญาณดังกล่าว

เมื่อผู้สื่อเข้าได้ลงพื้นที่ไปวัดที่เกิดเหตุจึงได้พบกับนาย ประวิตร แพร่งสุวรรณ (บัวขาว) วัย 44 ปี พร้อมกับนาย วิเชิญ คงกำเนิด วัย 32 ปี ทั้งสองคนนี้เป็นน้าหลานกัน และได้เดินทางกลับจากไปทำงานเพื่อมาอยู่ที่บ้านเกิดในอำเภอนางรอง และทั้งสองต้องปฏิบัติตามนโยบายการควบคุมโรคระบาดโควิดโดยการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ทั้งนี้สถานที่กักตัวจะเป็นวัดที่อยู่ในหมู่บ้าน

นายประวิตร ผู้เป็นน้าชาย ได้ออกมาเปิดเผยว่า  ตนและหลานชายมีอาชีพทำงานก่อสร้างในจังหวัดนครราชสีมา และได้เดินทางกลับมาบ้านในอำเภอนางรอง ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา และต้องมากักตัวที่วัดบ้านสิงห์เป็นเวลา 14 วันตามมาตรการควบคุมโรค ตนและหลานชายก็ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามด้วยดี

ตนได้เจอดีตั้งแต่คืนแรกเลย เนื่องจากมีผีสาวผมยาวออกมาหลอกหลอน และผีสาวยังพยายามมาเข้าสิงตนทั้งยังกระซิบบอกอยากได้ตนไปเป็นสามี จากนั้นผีสาวก็เคลื่อนเข้ามาคร่อมที่ตัวแล้วทำการขย่มตัวจนตนนั้นรู้สึกหายใจไม่ออก วันถัดมาคืนวันที่สอง (23 ก.ย. 64) ผีสาวก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆมานอนด้วย คืนวันที่ 3 ผีสาวก็ยังไม่ได้ไปไหนตนสัมผัสได้ว่าผีสาวมาบีบมานวดแขนขและลำตัวให้ตนขณะที่กำลังนอนหลับ  คืนของวันที่ 4 ที่ได้เข้ามานอนในวัดแห่งนี้ผีสาวดังกล่าวเข้ามาจับที่ข้อเท้าของตน จนกระทั้งคืนวันที่ 5 ผีสาวไม่ลดละเข้ามานอนทับตัวของตนอีกครั้ง

จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอด 5 วัน 5 คืน ที่ตนได้มากักตัวที่วัดแห่งนี้ตนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย วันนี้รู้สึกทนไม่ไหวแล้วเนื่องจากไม่ได้พักผ่อน ผีสาวมากวนทับร่างพยายามเข้าสิง ตนได้ตัดสินใจโทรเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ญาติฟังและให้ญาติจัดหาหมอผีเข้ามาเพื่อปราบผีสาวให้ตนในที่วัดเกิดเหตุนี้โดยด่วน ให้หมอผีมาทำพิธีสะกดวิญญาณไม่งั้นตนคงไม่สบายใจที่จะอยู่กักตัวได้ครบ 14 วันเป็นแน่

ทางด้านนายวิเชิญ ผู้เป็นหลานชาย ได้ออกมาเล่าว่า ตนได้เดินทางเข้ามากักตัวพร้อมกับน้าชายที่ศาลาพักศพของวัดบ้านสิงห์ ช่วง 5 คืนแรกตนไม่ได้ถูกผีสาวมาก่อกวนเหมือนกับน้าชายแต่ตนได้รับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ตนรู้สึกสงสารน้าชายมาเพราะน้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว ตนจึงตะโกนพูดขึ้นว่าถ้าผีสาวมีจริงก็ให้มาเข้าสิงตนนี่ เวลาถัดมาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่ต้องพูดไป วิญญาณผีสาวดังกล่าวนั้นก็มาเข้าสิงตนทันที เริ่มจากที่ตนได้เห็นมีควันลอยขึ้นมาที่บริเวณของเท้าทั้งสองข้าง แล้วหลังจากนั้นก็มีตุ่มขึ้นไปทั่วร่างกายของตน พร้อมกันนั้นตนได้รู้สึกแสบร้อนไปทั้งตัว จากเหตุนี้ตนไม่ได้มองเห็นผีสาวแต่สัมผัสได้ว่าได้ถูกผีสาวหลอกเข้าแล้ว จากนั้น 2 คืนมานี้ตนก็ถูกผีสาวมาเข้าสิงแทนน้าชาย ตนไม่ได้กลัวผีสางอะไรแต่ก็รู้สึกทรมานที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จนอยากให้มีหมอผีเข้ามาปราบผีสาวตนดังกล่าวนี้ให้ เมื่อมีหมอผีเข้ามาทำพิธีให้ ตนรู้สึกอาการทุกอย่างได้หายและได้นอนหลับเป็นปกติตามเดิม

นายเสรี เทียบมาก วัย 62 ปี ผู้ที่เป็นหมอธรรมในหมู่บ้าน หรือหมอผี ได้เล่าว่า ตนคิดว่าที่สองน้าหลานถูกผีสาวหลอกก็เพราะทั้งสองได้ไปพูดไม่ดีเป็นการท้าทายเขา วิญญาณตนนั้นเป็นผู้หญิงตายโหงซึ่งตายมา 50 ปีแล้ว และวิญญาณตนนี้ตายเป็นผีไม่มีญาติจึงไม่ได้มีการไปผุดไปเกิด จากที่รู้เขาไม่ได้เป็นวิญญาณที่ดุร้ายเลย แต่เนื่องจากสองน้าหลานที่เข้ามาพักในศาลาพักศพ เพื่อกักตัวก็ได้มีการพูดที่เป็นการหลบหลู่เขา วิญญาณจึงได้มาสั่งสอนก็แค่นั้น ตนอยากฝากทุกคนว่าอย่าไปพูดจากหลบหลู่สถานที่หรืออะไรก็ตามที่เรามองไม่เห็นแม้แต่จะมองเห็นก็ไม่ควรไปพูดลองดีกับใคร ไม่ว่าใครจะอยู่ในภพภูมิไหนก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สองน้าหลานก็อย่าได้ไปพูดหลบหลู่เขาอีกตนได้มีการไปสื่อวิญญาณให้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย