มะละกอแพง จนแม่ค้าลั่น “สู้ไม่ไหวต้องปิดร้านหนี”

18 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุด แม่ค้าร้านส้มตำออกโวย มะละกอแพง หากราคยังพุ่งสูงไม่หยุดต้องเลิกขาย จากปัญหาเศรษฐีก็จะกลายเป็นปัญหาสังคม เดือดร้อนทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคจากหลักสิบสู่ร้อย

สุดสะเทือนใจ! คอส้มตำ มะละกอแพง เพราะอะไร…น้ำมันแพง แต่แม่ค้าร้านส้มตำรสเด็ด ออกพูดแพงไปหมดสู้ต้นทนไม่ไหว

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไป ตลาดบ้านกอก ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น แม่ค้าร้านส้มตำหวั่น มะละกอแพง จากปัญหาเศรษฐกิจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ต่างออกมาตั้งคำถามว่าทำไมราคาพุ่งสูงได้ขนาดนี้ หากเปรียบเทียบราคามะละกอจากเดือนมกราคม ปี 2564 ที่ผ่านมาราคาพุ่งสูง 3-4 เท่าตัว

ในเดือนมกราคม ปี 2564 มะละกอ 1 ถุง (10 กก.) ราคาตกอยู่ที่ 60-70 บาท ส่วนในเดือนมกราคม ปี 2565 ราคามะละกอเพิ่มสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึงอยู่ที่จำนวน 280 บาท ต่อ 1 ถุง (10 กก.)

เจ้าของร้านส้มตำ “ตาแอ้บ” นางละมุน คำรัฒน์ ออกมาเปิดเผยว่า ตนเปิดร้านขายส้มตำเป็นเวลา 20 ปี มาแล้ว ราคามะละกอตอนนี้แพงมาก แต่ร้านของเราก็ยังตรึงราคาขายแบบเดิม คือ ขายจานละ 40-60 บาท ตนกลัวว่าหากปรับราคาเพิ่มตามเกรงว่าลูกค้าจะไม่ซื้อและไม่หาย ราคามันขึ้นแพงมากก็อาจจะอยู่ไม่ได้ ตนเข้าใจว่าที่มะละกอแพงเพราะน้ำมันแพง ค่าขนส่งแพง

มะละกอส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาทำเมนูยอดฮิต มักเป็นมะละกอที่นำมาจาก นครปฐม  ราชบุรี ระยะทางการขนส่งกว่าที่สินค้าจะมาถึงจังหวัดขอนแก่นก็ต้องใช้เวลา หากมะละกอมีราคาพุ่งขึ้นเรื่อยไม่หยุด เชื่อว่าแม่ค้าหลายร้านก็คงรับมือไม่ไหวอาจเดือดร้อนถึงขั้นปิดร้าน หรือไม่ก็มีการปรับราคาสเมนูส้มตำขึ้น และก็เสี่ยงที่ถูกค้าจะหยุดทานไปด้วย อาหาร ข้าวของขึ้นหมด แต่ค่าแรงไม่ขึ้น

แม่ค้าร้านส้มตำอีกราย นางสมจิต เปรมสีมา ออกเล่า ตนยังไม่ขึ้นราคาส้มตำในตอนนี้ เพราะห่วงลูกค้าไม่ไหวกับราคา ตอนนี้หากราคายังขึ้นเรื่อยตนมีทางเรื่อง 2 ทาง 1.ปรับราคาสินค้า 2.ปิดร้าน ดังนั้นตนอยากให้รัฐบาลออกมาจัดการปัญหานี้ด้วยการควบคุมราคาสินค้าไม่ใช่ปล่อยให้ราคาของขึ้นไปเรื่อยๆแบบนี้ นอกจากนี้ไม่ใช่แค่มะละกอที่แพง วัตถุดิบอื่นๆที่ใส่ไปในเมนูส้มตำต่างๆก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ทางด้านรองนายกเศรษฐกิจ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ออกมาชี้ว่า ที่ราคาของแพงเพราะมีประชาชนออกมาซื้อเป็นจำนวนเยอะมันเป็นเรื่องที่ดี…

ส่วนในความเป็นจริงแล้วปัญหาของแพงมันไม่ใช่เรื่องตลกเลย หากผู้นำมองไม่ขาดก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ยาก และความเป็นจริงแล้วสาเหตุหลักที่ทำให้ของหรือสินค้าทุกอย่างแพงขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะ “การปรับขึ้นราคาของนำมัน” หากปัญหาของแพงยังไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด และหากไม่แก้ไขก็อาจจะสามารถมองได้ว่า รัฐบาลผลักภาระให้ประชาชน ครั้งเมื่อราคาหมูแพง ประชาชนสามารถหันไปเลือกทาน เนื้อไก่-ปลา-อาหารทะเล แต่ถ้าส้มตำแพงแล้วอะไรจะสามารถเป็นอาหารที่มาทดแทนส้มตำได้