Sunday, 24 November 2024

ฟัง 2 มุม ม.6 ป่วยโรคพุ่มพวง เต้นงานกีฬาวูบกลางสนามเสียชีวิต

ติดตามเรื่องราวข่าวเด่นออนไลน์ เรียกได้เลยว่าอีกหนึ่งกรณีที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยกันเลยทีเดียว หลังจากที่มีเหตุการณ์สุดช็อคเกิดขึ้นเด็ก ม. 6 ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ทั้งนี้ไม่วายที่จะโดนเรียกตัวไปเต้นงานกีฬาสี เกิดอาการบกลางสนามเสียชีวิต ซึ่งตอนนี้เรามาฟังความกันทั้งทั้งสองมุมกันเลยทีเดียว

สล็อต xo Slotxo

ม.6 ป่วยโรคพุ่มพวง เต้นงานกีฬาวูบกลางสนามเสียชีวิต

ม.6 ป่วยโรคพุ่มพวง

เรียกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สุดช็อคสำหรับเด็ก ม. 6 ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ถือได้เลยว่ามีงานกีฬาสีที่โรงเรียนครูให้เต้นกลางสนามทั้งนี้รักษาตัวที่โรงพยาบาลโรงพยาบาล 11 วันก่อนสิ้นใจ เรามาฟังความสองมุมกันได้เลย เรียกได้เลยว่าพ่อแม่นั้นร้องเยียวยาเพียงแค่ 700,000 ขณะที่ทางโรงเรียนนั้นเสียใจเป็นอย่างยิ่งและยืนยันช่วยเหลือดูแลมาโดยตลอด

ฟัง ม.6 ป่วยโรคพุ่มพวง

วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบสองสามีภรรยา แน่นอนว่าหลังจากได้รับข้อมูลข่าวสารว่าน้องโฟกัสอายุ 17 ปีลูกสาวอยู่ชั้น ม. 6/7 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรนั่นเอง ซึ่งน้องนั้นก็มีโรคประจำตัวนั่นก็คือ ป่วยเป็นโรคพุ่มพวงทั้งนี้เกิดวูบหมดสติในสนาม ทั้งนี้เกิดขึ้นในเหตุการณ์พิธีเปิดกีฬาสีทั้งนี้สุดจะยื้อไม่ไหวแล้วรักษาตัวนานถึง 11 วันก่อนที่จะสิ้นใจนั่นเอง

ซึ่งในขณะนี้เองได้ร้องเรียนเงินเยียวยาจากต้นสังกัดโรงเรียนไป 12 ล้านบาท แต่ทางโรงเรียนนั้นจึงขอยืนยันจะเยียวยาเพียงแค่ 700,000 บาทนั่นเอง ทั้งนี้แล้วทางพ่อแม่ของน้องโฟกัสนั้นก็ได้มีการนำหลักฐานแชทข้อมูลต่างๆในกลุ่ม LINE นักแสดงกีฬาเรียกได้เลยว่ามีการระบุข้อความเอาไว้สั้นๆดังต่อไปนี้ แจ้งนักเรียนทุกคนหลังจากนี้ต่อไปนี้ใครจะขาดหายจะตัดชื่อหากป่วยกระทันหันจะต้องมีการแจ้งทีมที่ดูแล

และหลังจากนั้นเองก็มี stories แชท Facebook ของน้องมีการเปิดเผยหมดไฟปวดตัวไปหมด แน่นอนว่าพร้อมกับคลิปถ่ายวิดีโอในวันเกิดเหตุนั่นเอง ซึ่งพบว่าน้องหมดดมกลางสนามแต่ก็ยังมีการแสดงเต้นต่อ และมีคนเข้ามาช่วยเหลือน้องออกไปจากสนามในขณะนี้เองผู้ปกครองอย่างระวาดมีลูกสาวคนเดียวคือน้องโฟกัสป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบแล้ว เหตุการณ์ที่ลูกป่วยและเสียชีวิตนั้นไม่ได้แจ้งจากทางโรงเรียนแต่อย่างใดว่าจะไปทำกิจกรรมใดๆ และเด็กป่วยมีโรคประจำตัวไม่ควรไปทำกิจกรรมที่กลางแจ้งขนาดนี้

โดยครูบอกให้ติดต่อกับครูดูแลสตาฟถือได้เลยว่ามีการเข้าไปซักถามและพูดคุยกันเรื่อยมา โดยวันเกิดเหตุนั้นทางโรงเรียนไม่ได้แจ้งแต่อย่างใด มีเพื่อนน้องนำโทรศัพท์มาแจ้งพ่อแม่ของน้องซึ่งตอนนั้นน้องอยู่ในห้องไอซียูแล้ว

โดยในขณะเดียวกันครูทางอาจารย์นั้นก็ได้มีการผลัดเปลี่ยนมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวตลอดมาโดยทั้งนี้ยังพูดปลอบใจว่าแม่ภูมิใจน้องเสียสละเพื่อโรงเรียนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เองอยากเข้ามาร้องเรียนถึงต้นสังกัดในส่วนของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จากกรณีนี้ถือได้ว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้การดูแลนักเรียนการสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัวก่อนทำกิจกรรมอะไรต่างๆมีปัญหาปรึกษาชีวิตหรือไม่ต้องปรึกษาครอบครัวถือได้เลยว่าจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่