เตรียมพร้อม รถทหาร FTS จำนวน 34 คัน แก้ปัญหารถบรรทุกหยุดวิ่ง

ข่าวเด่นออนไลน์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน กองกำลังทหารเช็กรถเตรียม รถทหาร FTS จำนวน 34 คัน นายกฯได้มีไอเดียแก้ไขปัญหาการขนส่ง หลังรถบรรทุกประกาศยกระดับการชุมนุม

รถทหาร FTS จำนวน 34 คัน ขนาด 2 ตัน เพื่อใช้แก้ปัญหาขนส่งสินค้าทั่วประเทศ  วางแผนเติมน้ำมัน 20 ลิตร หมดที่ไหนจอดที่นั้น

สืบเนื่องมาจากมีการชุมนุมประท้วงของเหล่าคนขับรถบรรทุก เพราะน้ำมันแพง นายกฯจึงสั่งการให้นำ รถทหาร FTS จำนวน 34 คัน เพื่อแก้ไขปัญหาใช้บรรทุกขนส่งสินค้าแทนรถบรรทุกที่ออกไปประท้วง โดยมีทหารกองบังคับการ กองพลที่ 1 รักษาพะองค์ ได้เช็กรถ เตรียมรถ เตรียมพลขับไว้เป็นที่เรียบร้อย

สำหรับรถ FTS นั้นเป็นรถบรรทุกที่ใช้ในการทหาร รถบรทุกขนาด 2 ตัน ซึ่งโดยปกติแล้วใช้ขนสัมภาระทางทหารและทหารไม่เกิน 12 นาย รถนี้สามารถใช้ในการลากจูงได้ด้วยแรงขับเคลื่อน 4 ล้อ มีคุณสมบัติพิเศษสามารถลงลุยน้ำได้ลึกกว่า 80 เซนติเมตร สามารถขับเคลื่อนได้ดีทั้งบกและในน้ำ การซ่อมบำรุงก็สะดวก รถ FTS มีน้ำหนักว่า 200 กิโลกรัม

ทั้งนี้ จะมีการคิดค่าน้ำมัน หรือ ค่าศึกล่ออื่นๆตามระยะทางที่รถวิ่งจริงไม่ว่าจะขับขนส่งในจังหวัดหรือตามจังหวัด จำนวน 34 คัน ใช้งานทั่วประเทศ

นายไพศาล พืชมงคล ผู้เป็นอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับ กรณีการนำรถทหารมาใช้แทนการขนส่งสินค้าของรถบรรทุกโดยปกติ เนื้อได้ออกระบุชี้ชัดปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยกัน 6 ข้อ

เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้รถทหารขนส่งสินค้าแทนรถขนส่ง!!!!

1.การใช้กำลังทหารต้องเพื่อป้องกันประเทศและการพัฒนาเท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อขนส่งสินค้าให้กับเอกชนได้

2.รถขนส่งทั้งประเทศมีเกือบแสนคัน รถขนส่งของกองทัพ มีถึง 10,000 คันหรือไม่ แค่คิดก็เห็นได้ว่าไม่พออยู่ดี

3.การขนส่งจากเมืองไปปลายทาง และจากปลายทางเข้าเมือง จะต้องรู้ที่รับของและที่ส่งของ ซึ่งบริษัทขนส่งรู้เส้นทางดีเป็นปกติทางการค้า แต่ทหารไม่มีทางรู้เส้นทางเหล่านี้ว่าจะไปรับของที่ไหน ไปส่งที่ไหน มัวแต่ตรวจสอบเส้นทางสอบถามกันอยู่ข้าวของก็เสียหายหมดโดยเฉพาะอาหารสด

4.รถขนส่งต้องมีคนขนของขึ้น ต้องมีคนขนของลงพร้อมอุปกรณ์ด้วย และต้องเติมน้ำมันระหว่างทาง หรือพักระหว่างทาง รถแต่ละคันต้องใช้ทหารกี่คน จะไปเบิกค่าน้ำมันที่ไหน จะเติมน้ำมันที่ไหน จะกินอาหารที่ไหนและพักค้างที่ไหน ต่างกับผู้ประกอบการเขามีสถานที่พัก สถานที่เติมน้ำมันเป็นปกติทางการค้าของเขา

5.ถ้าหากผู้ประกอบการขนส่งคนโดยสารเข้าร่วมตีอสู้ด้วย ก็ยิ่งไม่มีทางใช้รถทหารได้เลย

6.ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ จะยอมให้กำลังพลและรถขนส่งทหาร ที่ต้องใช้ในราชการป้องกันประเทศมาทำอย่างนี้หรือไม่?

เพราะนี่คือการทำให้ประชาชนเกลียดชังทหารที่ได้ผลมาก คือให้ทหารไปเผชิญหน้ากับประชาชน!!!!

ผมเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพท่านก็ต้องตระหนักเรื่องนี้ การเผชิญหน้าท้าทายกับมวลชนผู้เดือดร้อนทุกข์เข็ญเป็นอย่างไร? ถ้าหลงอำนาจแล้วกว่าจะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว ประวัติศาสตร์บอกไว้เช่นนั้น ก็คอยดูกันต่อไปครับ

ทั้งนี้ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยก็ได้ออกมาวิจาณ์สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

“เอารถทหารออกไปก็ยิ่งทำให้พี่น้องประชาชนเขาเดือดร้อนขึ้นไปอีก แทนที่เขาจะประกอบกิจการได้ ใช่ไหม? คนที่เขาจะมาต่อสู้กับรัฐหยุดวิ่งมันก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเขาก็ยังประกอบธุรกิจของเขาอยู่ และรัฐเอารถออกไป ตรงนี้ถามว่า ทหารไม่มีงานทำเหรอ? ทหารไม่มีงานทำเหรอครับ ถึงมีเวลาว่างพอเอารถที่ใช้ในราชการทหารจะออกมาช่วยประเทศชาติในการทำมาขนส่งให้แก่พี่น้องประชาชน มันจะมีสักเท่าไหร่รถทหาร รถบรรทุกที่เขาประกอบกิจการต่างทั้งหลายทั้งปวงมีเป็นล้านๆคันนะครับ เอาแค่คิดง่ายๆทหารจะมีปัญญาอะไรไปแก้ไขปัญหานี้ จะมีรถบรรทุกสักเท่าไหร่ แล้วที่บอกว่าเอารถบรรทุกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาเนี่ย ไม่มีงานทำกันเหรอครับ แล้วที่ซื้อๆรถกันมา ซื้อมาทำไม? กินหัวคิวกันอีก ซื้อรถมากินหัวคิวกันและต้องใช้ภาษาหยาบๆว่าแดกน้ำมัน ซึ่งเป็นภาษีของพี่น้องประชาชนอีก ไปดูสิว่าทหารตั้งงบประมาณทุกอย่างต้องครบถ้วนสมบูรณ์แบบหมด รถทุกคันต้องมีน้ำมันเม ต้องมีพลขับ ทุกคัน เช้าต้องอุ่นเครื่องแต่ไม่ได้วิ่งหรอก!  และน้ำมันนั้นไปไหน เอาไปขายกินกัน อย่าหาว่าผมดูถูกกองทัพ ผมเห็นมาตั้งเด็กผมเป็นเด็กจบใหม่ๆแล้ว เพื่อนผมก็เป็นอย่างเนี่ย ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเอาน้ำมันหลวงไปขาย เอาไปแจกคนโน้นคนนี้ และโตมาถึงจะมารู้ว่าแบบนี้ทุจริตกันทั้งนั้น เอาน้ำมันหลวงไปขายกันจนมาถึงบันนี้นะครับ พอจะทำแบบนี้ไม่ว่าจะปลูกผักชีก็ดี ไม่ว่าจะเอารถบรรทุกไปวิ่งแทนพี่น้องประชาชนก็ดี รัฐธรรมนูญเขาห้าม รัฐกระทำการใดๆที่มีความมุ่งหมายในการแข่งขันกับประชาชน…”