Saturday, 20 April 2024

วันแม่ยังสำคัญอยู่ไหม เยาวชนไทยเริ่มตั้งคำถามถึงการทดแทนพระคุณมารดา

วันแม่ยังสำคัญอยู่ไหม ข่าวเยาวชนไทยเริ่มตั้งคำถามถึงการทดแทนพระคุณมารดา และถ้าหากว่าลูกนั้นไม่ได้เห็น “คุณค่า” ของผู้ให้กำเนิด ซึ่งเด็กบางคนนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพูดถึงเรื่อง “แม่” และครอบครัวที่หลายคนนบอกว่ามันคือเซฟโซนที่ดีที่สุดในโลก

สล็อต xo Slotxo

วันแม่ยังสำคัญอยู่ไหม ถ้าหากว่าลูกนั้นไม่ได้เห็น “คุณค่า” ของผู้ให้กำเนิดเลย

วันแม่ยังสำคัญอยู่ไหม ถ้าหากว่าลูกนั้นไม่ได้เห็น “คุณค่า” ของผู้ให้กำเนิดเลย

แม่ลูกห่างเหินกันในสมัยนี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาและสามารถพบเจอได้เกิบทุกพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีเด็กบางกลุ่มนั้นเริ่มตั้งคำถามว่า การทดแทนพระคุณมารดา และขอบเขตของความกตัญญูนั้นยังงมีความสำคัญอยู่ไหม!! ในเมื่อเด็กบางคนนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อพูดคำว่า “แม่” ออกมา ซึ่งความรู้สึกมากมายที่ส่งต่อผ่านออกมาบนโลกออนไลน์ของเด็กสมัยนี้นั้นต่างบอกเล่าความรู้สึกไปในทางที่ห่างเหินกับแม่ เช่น เหตุผลของวัยรุ่นบางกลุ่มที่โพสต์ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจเกี่ยวกับ “มารดา” ของเขาผ่าน Facebook

“คนที่ต้องการอยากให้เราเกิดขึ้นมาก็ต้องเป็นคนที่เลี้ยงดูเราและตามใจเรา มากกว่าที่จะมาบีบบังคับเราให้ไปทำตามใจเขาสิ,แม่บอกไม่ต้องไปเรียน ด้วยเหตุผลที่ว่าหนูนั้นมันไม่ได้เรื่อง หัวช้าสมองมีแต่ขี้เลื่อย”

หนึ่งเรื่องราวที่กลายมมาเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตนำมาถกเถียงนั้นก็คือ เรื่องของวัยรุ่นคนหนึ่งที่โพสต์เรื่องราวว่าเขานั้นได้ทำความต้องการของคุณพ่อแล้วและความต้องการนั้นก็คือ เรียนจบที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย แต่เมื่อเขาเรียนจบมานั้นเขากลับไม่อยากจะไปทำงาน เพราะมองว่าพ่อแม่นั้นต้องเป็นคนหาเลี้ยงเขาในฐานะผู้ให้กำเนิด ซึ่งเขานั้นได้โพสต์ตั้งคำถามเชิงระบายความในใจและไม่ต้องการอยากเปิดเผยชื่อ

“บ้านไม่ใช่เซฟโซนที่ดีเลย ครอบครัวเริ่มกดดันจากการไม่ให้เงินเหมือนเดิม พร้อมบอกถ้าไม่ไปทำงานก็ไม่ต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน ทั้งๆที่เรานั้นขอเงินไม่มากและเคยบอกไปแล้วว่าขอแค่เดือนละ 25,000 เท่านั้น”

ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยานั้นบอกว่า ปรากฎการณ์ทางสังคมที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นยุคใหม่เริ่มหันกลับมาตั้งคำถามถึงขอบเขตของ “ความกตัญญู” และนิยามของ “ความกตัญญู” นั้นคือเรื่องที่ค่อนข้างดีเพราะว่าความคิดนั้นมันคือการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต ตราบใดคำถามที่พวกเขานั้นตั้งขึ้นมาไม่รุนแรงมากจนเกินไป เช่น กรณีของเด็กวัยรุ่นคนกนึ่งที่กล่าวว่า

ภาพประกอบข่าว วันแม่และความสำคัญ คุณค่าที่หายไป

“ไม่ได้เลือกมาเกิด “มันมีความรุนแรงมากถึงสองเรื่อง ซึ่งเด็กอาจพูดได้ว่าเขาไม่ได้เลือกเกิด และแม่ก็อาจบอกว่าเขาไม่ได้เลือกให้ลูกเกิดมาแบบนี้””

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นกลุ่มของเด็กรุ่นใหม่นั้นเริ่มหันกลับมาตั้งคำถาม เรื่องครอบครัว เรื่องของค่านิยม และเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น พร้อมกันเริ่มมีการออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรรีภาพที่พวกเขาควรได้รับ และคำถามยอดนิยมมากที่สุดนั้นก็คือลูกต้องเลี้ยงดูพ่อแม่จริงหรือ นั้นอาจมาจากที่พวกเขานั้นซึมซับวัฒนธรรมชาติตะวันตกมา!!

ชาติตะวันตกพ่อแม่ลูกนั้นไม่ได้สนิทสนมหรือให้ความเคารพนับถือกันอย่างชาติตะวันออก ซึ่งพวกเขานั้นไม่ได้มองว่าพ่อแม่สำคัญ และไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งสอนเสมมอพระในบ้าน และพ่อแม่นั้นก็ไม่ควรจะมาเป็นภาระต้องส่งเงินให้ต้องเลี้ยงดูอย่างเราๆ เนื่องจากว่าพวกเขานั้นมองว่า มนุษย์ทุกคนนั้นต้องสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ด้วยเงินสวัสดิการที่มาจากการเก็ยสะสมในการทำงาน ซึ่งสิ่งที่ว่านี้มันทำให้สังคมไม่เกิดคำพูดว่าพ่อแม่เป็น “ภาระ” ของลูก

ภาพประกอบข่าว ความสำคัญของวันแม่ที่ขาดหายไปจากกลุ่มเยาวขนที่รับวัฒนธรรมจากตะวันตกมามาก

“ทำไมวันที่ 12 สิงหาคม ต้องไหว้แม่ทั้งที่วันนั้นมันคือวันที่ดอกไม้ราคาแพง ไหว้วันอื่นไม่ได้หรอ”

“วันแม่” สำหรับเด็กบางคนนั้นพวกเขาไม่เคยได้สัมผัสถึงคำว่าแม่ที่แท้จริง!!อย่างเช่น “พลอยใจ” สาวน้อยวัย 15 ปี ที่ยืนยันจะเลี้ยงดูตัวเองและจะส่งเสียตัวเองเรียนตัวสองมือสองแขน เพราะแม่ของเธอนั้นบอกว่าจะไม่ส่งเธอเรียนแล้วหลังจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งมันสื่อให้เห็นว่าเธอนั้นไม่มีตัวเลือกไม่มากเหมือนคนอื่น สุดท้ายเธอต้องดิ้นรนสอบชิงทุนเพื่อสานฝันจนสามารถเข้าเรียนเป็นนักเรียนโคต้าได้ด้วยสองมือ พร้อมบอกว่าอาชีพในฝันของเธอที่จะต้องทำให้ได้นั้นก็คือ “ทันตแพทย์” แต่เมื่อตั้งคำถามถึง “แม่” เธอกลับนิ่งเฉยพร้อมบอกว่าเธอไม่ได้มีความทรงจำที่ดีกับแม่ของเธอเลย”

ภาพประกอบข่าว เยาวชนในปัจจุบันให้ความสำคัญในวันแม่ลดลง

ดังนั้นการที่คนรุ่นใหม่ตั้งวคำถามและการที่พพวกเขานั้นสามารถเอาชีวิตรอดด้วยเองได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่แปลก แต่มันคือเรื่องของผู้ปกครองที่ขาดความรับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งการที่คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพ่อปแม่หรือคนรอบข้างที่ไปตัดสินเรื่องความ “อกตัญญู” และ “กตัญญู” ของเด็กนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรมาก เพราะการไปตราหน้าเขาว่าเป็นคน “อกตัญญูไม่รู้บุญคุณ” ของผู้ให้กำเนิดเป็นเรื่องไม่ควร เพราะความรักความรู้สึกนั้นไม่สามารถบังคับกันได้