“พระพยอม” ชี้.. “พระอาจารย์แจ้” ไม่ควรพูดแบบนั้น! หากท้ากลับรับได้ไหม?

ข่าวเด่นออนไลน์ ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีดราม่าพระอาจารย์แจ้ ตอบโต้ชาวเน็ต ดร.ยังทำแบบนี้ไม่ได้ “พระพยอม” ท้ากลับ..หากท้ากลับรับได้ไหม? ไม่ควรเอาตัวเองหรือคนอื่นมาเปรียบเทียบกัน ต้องตระหนักรู้ว่าบวชเพราะอะไร ดำเนินตามหลวงปู่-พระพุทธเจ้า

หากท้ากลับรับได้ไหม? พระอาจารย์แจ้ ลองแข่งขันพูดภาษาอังกฤษ คณิต-วิทย์  “น้ำมนต์” ทำให้อุ่นใจ ไม่ใช่น้ำวิเศษ อย่างทำให้คนลุ่มหลง เชื่อโดยขาดเหตุผล

วานนี้ (22 มิ.ย. 65) หลังเกิดกรณีดราม่าพระอาจารย์แจ้ เพราะโดนโจมตีหลังหลายข้อกล่าวหา “พระพยอม” หากท้ากลับรับได้ไหม? ชาวเน็ตแห่ตั้งคำถาม พระทำแบบนี้สมควรไหม..ฯลฯ เรื่องมันเกิดเพราะพระอาจารย์ออกมาโต้ว่าสิ่งที่ทำมันมากมาย แม้แต่ ดร.ยังไม่สามารถทำได้แบบนี้ มีผู้เชื่อถือและศรัทธาจากทั่วสารทิศ จากเหตุการณ์นี้ ทำให้พระผู้ใหญ่อย่าง “พระพยอม” ทนไม่ไหวที่จะออกมาพูดออกความคิดเห็นกับเรืองดังกล่าวด้วย

เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว-นนทบุรี “พระพยอม” กล่าวว่า พระแจ้บวชมาคงไม่ได้เรียนรู้ในเรื่องของธรรมสัจจะ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล และไม่ควรท้าทายคนอื่นด้วยคำพูดแบบนั้น หากจะถามกลับว่าพระแจ้สามารถมาพูดภาษาอังกฤษ แข่งขันทางคณิต-วิทย์ กับผู้เรียนจบ ดร. พระแจ้ทำได้ไหม? ฉะนั้นแล้วพระแจ้ไม่ควรไปพูดท้าทายคนอื่นไม่สมควร

สำหรับแนวทางที่พระแจ้ควรปฏิบัติ ความจริงควรจะเดินไปทางไหนตามรอยใคร ระหว่างแนวทางหลวงปู่กับพระพุทธเจ้า และอย่าลืมว่าไสยศาสตร์มันเกิดขึ้นและหายไป มันเป็นของชั่วคราวเกิดขึ้นและหายไป เนื่องจากจะมีของใหม่มาแทนที่เรื่อยๆวนเวียนไปมา มันเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน อย่าคิดจะเอาสิ่งที่ตัวเองใช้เป็นจุดขายไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น พูดไปล้วนแต่จะสร้างกิเลส แต่ละคนแต่ละเรื่องไม่เหมือนกันไม่ควรเอามาเปรียบเทียบกันทุกกรณี

ส่วนการรดน้ำมนต์มันเป้นเพียงสิ่งที่ทำให้อุ่นใจ แต่ไม่ใช่น้ำวิเศษเช่นน้ำเหงื่อ ไม่เช่นนั้นทางกระทรวงใหญ่ระดับประเทศของไทยคงไปเชิญพระแจ้มาทำพิธีรดน้ำมนต์เพื่อแก้ไขสารพัดปัญหาไปแล้ว ควรจะใช้หลักความจริงและเหตุผลทางธรรมะมาคิดดูดีๆ

พระแจ้ไม่ควรทำให้ชาวบ้านมีความหวังหรือเชื่อแบบขาดเหตุผล ชาวพุทธไม่เชื่อในอำนาจพระรัตนตรัย แต่ไปเชื่องมงายในเรื่องของทางไสยศาสตร์ คนเหล่านั้นคงเป็นได้แค่ชาวพุทธชั้นอนุบาลได้เท่านั้น

หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ระบุเอาไว้ว่า บุคคลจะหลุดพ้นได้ด้วยความเพียรพยายาม ไม่ว่าจะเป็นกรรมวาที-กรรมวิริยะวาที สิ่งที่เราควรเชื่อและยึดถือคือ “กฎแห่งกรรม” มันมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง คนที่มีความเพียรสม่ำเสมอจึงจะสามารถหลุดพ้นได้ การรดน้ำมนต์ คือ ในอดีตไม่มีการเรียกเก็บเงินจากชาวบ้าน เนื่องจากมันเป็นหนึ่งกุศโลบายให้คนมาทำบุญฟังธรรมรักษาศีล ก่อนที่จะมีการรดน้ำมนต์ให้ ชาวพุทธต้องมีการรับศีลรับพรเสียก่อน เพื่อเป็นการให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม แต่ในสมัยนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเปลี่ยนแปลงไปมาก พระท่องคาถาเสกอะไรลงถังและราดน้ำทำเหมือนให้รีบจบไป

“พระอาจารย์แจ้” หรือนามทางพระชื่อ พระตะวัน อิทฺธิโชโต พระลูกวัด-วัดน้อมประชาสรรค์ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธนา พระแจ้เคยทำอาชีพเป็นอาจารย์สักยันต์ก่อนที่จะเข้ามาครองผ้าเหลืองจนปัจจุบันนี้ บวชได้ 3 พรรษาแล้ว ทั้งนี้พระแจ้มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันกับคนในสังคมออกมาตั้งคำถามในเรื่องความเหมาะสม เพราะพระแจ้รับรดน้ำมนต์และสักยันต์โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในวัด ชาวโซเซียลเข้ามาตั้งคำถามและโจมตีอย่างหนัก จนทำให้พระแจ้ทนไม่ได้และออกมาตอบโต้อย่างดุเดือดและมีการเปรียบเทียบกับคนเรียนจบดร.จนเกิดเป็นดราม่าต่อเนื่อง.. “ท้าคนจบดร.มาสักยันต์แข่งกัน”