“เอ๋ มิรา” อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ เปิดใจครั้งแรก ชนะคดีได้สิทธิ์เลี้ยงลูกคนเดียว

ข่าวเด่นออนไลน์ เวลาประมาณ 18.00 น. ของเมื่อวานที่ผ่านมา(6 มี.ค. 65) อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ ออกแถลงการณ์เปิดใจสุดซาบซึ้งด้วยความดีใจ ภายหลังศาลตัดสินให้ชนะและรับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกชาย

ลืมป่วย! “เอ๋ มิรา” อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ เหตุชนะคดีได้สิทธิ์เลี้ยงลูกชาย ศาลตัดสินให้ออกค่าเลี้ยงดู “สายแนน” แต่เพียงผู้เดียว เพราะมีฐานะมั่นคงแล้ว !!

อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ ออกพูดครั้งแรกหลังผ่านเรื่องราวการฟ้องร้องและเรียกร้องสิทธิ์เลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียวมาเป็นระยะเวลานาน หลังเลิกรา ครูไพบูลย์ เพราะปมรักมือที่สามเข้ามาทำให้ครอบครัวเดินต่อไปไม่ได้ กลายเป็นผู้ถูกกระทำมานานจนความจริงกระจ่างก็เกือบ 3-4 ปี ดังคำคม ความจริงก็คือความจริง นานแค่ไหน “ความจริง”ไม่ตาย!

6 โมงเย็นของ 6 มีนาคม ณ สน.ทนายความนฤบดินทรา ลอร์ เฟิร์ม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ เทศบาลเมืองขอนแก่น ทนายเก่ง-นฤบดินทรา ศรีศิวารา เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์ อดีตภรรยาครูเพลงสามีนักร้องกระต่าย-พรรณนิภาในปัจจุบัน นายไพบูลย์ แสงเดือน นายห้างค่ายไหทองคำ-ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ป๋าเทพ-เลิงนกทา พร้อมด้วย เบิร์ด-พนา ซึ่งทั้งสองเป็นผู้จัดการของเอ๋มิรา ได้เข้ามาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

หลังจากได้มีการฟ้องร้องขึ้นศาลประจำจังหวัดเลย ได้พิพากษาในศาลชั้นต้นวันที่ 2 มีนาคม ตัดสินให้ เอ๋-มิรา ได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดู “สายแนน” ลูกชายเพียงคนเดียววัย 6 ขวบ ศาลยกให้เลี้ยงดูเพียงคนเดียว สืบเนื่องจาก เอ๋-มิรา ได้เข้ามมายื่นฟ้องต่อศาลเมื่อครั้งได้หย่ากับครูไพบูลย์แล้วฝ่ายชายได้รับเลี้ยงลูกเพียงคนเดียว จนเวลาผ่านมาเมื่อปีที่ผ่านมา ครูไพบูลย์ได้มีลูกกับภรรยาคนใหม่ 1 คน ซึ่งเธอก็เป็นนักร้องในค่าย หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเวลาลาให้ลูกชายคนโต “สายแนน” และได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาใหม่เรื่องลูก จากสาเหตุนี้ทำให้ลูกชายคนโตไม่มีความสุข พร้อมกับสายแนนได้ร้องว่าอยากมาอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่า

โดยหลังจากลูกชายบอกไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ เอ๋-มิรา ได้เดินหน้าร้องต่อศาลให้มีการยกเลิกข้อตกลงหลังเซ็นใบอย่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ที่ได้ตกลงให้ครูไพบูลย์มีสิทธิ์ในการเลี้ยงดู “สายแนน” เพียงคนเดียว เปลี่ยนมาให้ เอ๋-มิรา ดูแลลูกแทน และให้ฝ่ายชายออกค่าเลี้ยงดูลูก 20,000 บาทต่อเดือน เริ่มนับตั้งแต่การตัดสินของศาลจบลงไปจนกว่าเด็กชายจะพ้นนิติภาวะ

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 เดือนที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเลยได้ตัดสินให้มีการเปลี่ยนผู้ปกครองเด็กชายสายแนน คำร้องก่อนหน้าเป็นอันยกเลิกทั้งหมด (ครูไพบูลย์เลี้ยงดูสายแนนและจ่ายค่าเลี้ยงดูคนเดียว และอนุญาตให้เอ๋-มิรา สามารถมาเยี่ยมลูกชายได้บางครั้งบางคราว)

ทางด้านทนายเก่ง ได้ออกมากล่าวว่า ก่อนศาลพิพากษาหลังการอย่า เอ๋-มิรา และ ครูไพบูลย์ ผู้เป็นอดีตสามีได้มีภรรยาคนใหม่และมีลูกร่วมกัน 1 คน ทำให้ เอ๋-มิรา ได้รับเอาลูกชายมาอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราว ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือน กันยายน 2564 และตอนนั้นเองเด็กชายชายแนน ได้บอกกับผู้เป็นแม่ว่า “ไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อ” โดยเด็กชายได้เล่าต่อว่า “พ่อให้ไปนอนกับแม่บ้าน” และเรื่องอีกอย่างที่ทำให้น้องวเริ่มไม่มีความสุข เพราะเห็นพ่อ(ครูไพบูลย์) ทะเลาะกับนักร้องสาวภรรยาใหม่ หลังจากการบอกเล่าของเด็กชาย เวลาภายมาเมื่อผู้เป็นพ่อเดินทางมารับ สายแนนได้วิ่งหนีพ่อและไม่ยอมให้ผู้เป็นพ่อกอดจับตัวก่อนบอกกับพ่อว่า “ไม่อยากกลับไปด้วย”

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่สายแนนไม่ยอมกลับไปอยู่กับครูเพลงผู้เป็นพ่อ เอ๋-มิรา จึงตัดสินใจให้ลูกชายมาอยู่และย้ายให้มาเรียนโรงเรียนแถวบ้าน อำเภอสรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยคนเลี้ยงดูสายแนนจะเป็นคุณยายแม่ของเอ๋ คอยเป็นคนช่วยดูแลส่งไปโรงเรียนขณะที่เอ๋ออกไปทำงานนอกบ้าน เธอตั้งใจไว้ว่าหากเด็กชายเรียนจบชั้นอนุบาล 3 เธอจะซื้อบ้านสักหลังไว้อยู่กับลูกชายและแม่ และตอนนี้เธอได้ประกอบธุรกิจในเมืองขอนแก่น และในอนาคตอยากให้ลูกย้ายมาเรียนที่จังหวัดนี้  ธุรกิจที่จะทำเกี่ยวกับเครื่องสำอาง และค้าขายเสื้อผ้าในช่องทางออนไลน์ และบางครั้งรับรีวิวสินค้า ทำให้ตอนนี้เธอมีฐานะทางการเงินที่มีความมั่นคงมากกว่าที่ผ่านมา ทำให้มีรายรับต่อเดือนอยู่ที่ 1แสนไปจนถึง 2 แสนบาท

เด็กชายสายแนน ได้ขึ้นศาลเพื่อให้การด้วย และน้องสายแนนให้ยืนยันต่อศาลเป็นจำนวนหลายครั้ง “ไม่กลับไปอยู่กับพ่อ” และขอเลือกที่จะอยู่กับแม่ (เอ๋-มิรา) เนื่องจากอยู่กับแม่แล้วรู้สึกมีความสุขมากกว่าอยู่กับพ่อ (ครูไพบูลย์) จากคำกล่าวของเด็กชายสายแนน ศาลได้พิพากษาให้ เอ๋-มิรา ได้รับสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตรชายแต่เพียงผู้เดียว ส่วนค่าเลี้ยงดูที่ครูไพบูลย์ต้องจ่ายเดือนละ 2 หมื่น จะไม่มีการจ่ายให้แล้ว เพราะเอ๋เบิกความว่าตนได้ประกอบธุรกิจและมีฐานะมั่นคงพอที่จะเลี้ยงดูลูกได้เพียงคนเดียวได้

ส่วนเอ๋-มิรา ได้เผยว่า ตนได้อดทนจนสามารถผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้แล้ว ตอนนั้นถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และคิดอยากจะฆ่าตัวตาย ครั้งโดนรุมด่าคิดว่าทำไมคนประเทศเราใจร้ายจัง ไม่อยากพุดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วแต่ตอนนี้ต้องขอกล่าว “ขอบคุณ” ทุกคนแทนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

วันนี้ตนได้ชนะคดีความแล้ว ตอนนี้นี่ป่วยเป็นไข้กำลังรักษาตัว แต่ด้วยความดีใจก็กระโดดเต้น พี่พยาบาลได้ต้องเตือนว่าตัวเองกำลังใส่สายออกซิเจนช่วยหายใจอยู่ เรื่องทั้งหมดที่ตนมีในวันนี้ได้อยากขอบคุณทนายเก่ง อ.ประจักษ์ชัย ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคน และแฟนคลับที่คอยให้กำลังตลอดมา