ข่าวเด่นออนไลน์ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุด มีการปรับขึ้นราคา เนื้อไก่-เนื้อปลา ภายหลังจากไม่กี่วันปัญหา “หมูแพง” ยังแก้ไม่ทันควัน ราคาปรับขึ้นเป็นเท่าตัว ปชช.หวั่นค่าครองชีพแพง
เนื้อไก่-เนื้อปลา ปรับขึ้นตาม “หมูแพง” จากกิโลกรัมละ 45 บาท ปรับเป็น 65 บาท แม่ค้าโวย ลูกค้าลั่นต่อไปคงไม่ได้กินแล้ว แพงเกินจริง!!! ค่าครองชีพพุ่งสูงเกินต้าน
กรณี การปรับขึ้นราคา เนื้อไก่-เนื้อปลา ล่าสุดที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูบรรยากาศการจ่ายตลาดของประชาชนที่ต้องมีการซื้อของมาทำกับข้าวเพื่อดำรงชีวิตในแต่ละวัน ภายในตลาดจังหวัดตรัง ปรากฏว่าจากราคาของหลายอย่างที่ปรับเพิ่มราคากันไม่ยุดทำให้ผู้คนที่มาจ่ายตลาดลดลงเป็นจำนนมาก
จากกรเดินดูสินค้าอาหารแห้ง-อาหารสด เช่น กุ้ง-หอย-ปู-ปลา-ไก่ หลังจากหมูขึ้นราคาที่ประชาชนหวังว่าจะนำมาทำอาหารเพื่อทดแทนเนื้อหมู ปรากฏว่า เนื้อไก่และเนื้อปลาในท้องตลาดมีการปรับขึ้นราคาขึ้นทุกวันๆจนตอนนี้ราคามันแพงเป็นหลายเท่าหากเปรียบเทียบภายในระยะ2-3 ปีที่ผ่านมานี้
ทั้งนี้ แม่ค้าหนึ่งในเจ้าของแพงขายไก่สด ได้ออกมาเล่าว่า ตอนนี้เนื้อไก่มีการปรับเพิ่มราคาเป้น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งแต่ละครั้งจะราคาจะเพิ่มขึ้นที่ละ 2-3 บ. เกณการเพิ่มราคาก็ปรับไปตามราคาเนื้อหมู เนื้อไก่เดิมราคา 47 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้ปรับเปลี่ยนเป็น 60 บาทต่อกิโลกรัม โดยปรับขึ้นมาจากเดิมเป็นจำนวน 13 บ. ในรอบ 1 เดือน ทำให้ตนที่เป็นแม่ค้าต้องปรับราคาขายหน้าแผงอยู่ที่ 65 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเอาเงินกำไรจากการขาย ไม่ใช่ไม่สงสารลูกค้าเพราะการขึ้นราคาทำให้ทั้งแม่ค้าและลูกค้าก็ได้รับผลกระทบไปตามๆกัน สาเหตุก็มาจากการราคาเน้อหมูแพง สินค้าทุกอย่างก็เลยแพงไปด้วย
แม่ค้าพ่อค้าบางรายก็แทบไม่ได้กำไรจากการขายเลย เพราะไม่อยากขึ้นราคาแพงมากสงสัยชาวบ้านด้วยกันทุกคนก็ต่างเดือดร้อนกันทั้งนั้น จึงมีการเพิ่มราคาขายเพียงเล็กน้อยเพื่อพยุงร้านให้ดำเนินกิจการต่อได้ ถามว่ามันก็ไม่คุ้มเลย เนื่องจากเราจ่ายหลายอย่าง ต้นทุนมันสูงและค่าขนส่งก็แพงเพราะน้ำมันแพง และนอกจากนี้ก่อนหน้ารถขนไก่ประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง ซึ่งแถวนั้นมีไก่นับล้านกิโลกรัมจากตรงนี้ก็ทำให้ตลาดหมุนเวียนเนื้อไก่ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ไก่สดในตลาดเลยเพิ่มราคาเพราะสินค้าเหลือน้อยจากระบบ
พ่อค้าเจ้าของแผงไก่สดอีกรายก็ออกมากล่าวว่า สินค้าหลายตัวในตลาดมีการปรับเพิ่มราคา ขึ้นแล้วลงยากหรือไม่ลดลงด้วยซ้ำ ตนคิดว่าบริษัทที่ผลิตเนื้อไก่มีการขึ้นราคาตามใจ เลยอยากจะให้เจ้าหน้าที่จากรัฐเข้าไปตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อปกป้องประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ และถ้าหากทางบริษัทผลิตเนื้อไก่จะมีการปรับขึ้นราคาก็ควรมีหลักเกณที่เหมาะสมของการขึ้นราคาสินค้า บางอย่างขึ้นราคาเรื่อยๆส่วนราคายางก็ลดลงต่อเนื่องแล้วประชาชนทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำจะมีกำลังในการซื้อได้อย่างไร หากรัฐบาลไม่มีการจัดการหรือลงมาช่วยเหลือต่อไปประชาชนคงต้องอดตายกันไปหมดทั้งประเทศ ตกงานเป็นเบือ มีแต่ถูกดขี่ทุกช่องทางหากิน หากรัฐจะช่วยเหลือก็ควรปรับราคาสินค้าเกษตรเช่น ข้าว ยาง ฯลฯ ขึ้นตามไปด้วยเพื่อสร้างความสมดุลให้ตลาดและระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้
แม่ค้าเขียงหมู เผยว่า เนื้อหมูที่ตนไปซื้อมาจากฟาร์มได้ปรับขึ้นมาอีก 5 บาท (106 บ./กก.) ราคาขึ้นในวันพระ ผลกระทบคือจากปกติที่จะขายวันละ 5 ตัว ปรับลดลงมาขายวันละ 3 ตัวเท่านั้น เพื่อลูกค้าไม่ค่อยมาซื้อในวันนี้ทำให้ขายลำบากทั้งที่ตนก็ขายในราคาที่ถูกจะที่สุด
สำหรับการปรับขึ้นราคาแบบนี้เป็นการฉวยโอกาสอย่างไม่เป็นธรรม ตนวอนหน่วยงานของภาครัฐช่วยลงมาดูแลและตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับราคาสินค้าที่มีการปรับขึ้นทุกวัน ซึ่งตามจริงแล้วมันเกิดจากสาเหตุหลักเกณฑ์ที่เหมาสมไหม!? หรือ แหล่งผลิตเพียงต้องการค้าขายแบบกำไรก้อนโตมากเกินไป และมีเบื้องหลังอะไรอีกไหมที่ทำให้ราคาหมูแพง แม้ตามจริงแล้วหมูจะขาดตลาดแต่ก็มีควรที่จะมีราคาแพงขนาดนี้ หมูที่มีราคา 8 พันบาท ก็เอามาขาย 1 หมื่นบาท ปรับขึ้นเป็นพันๆมันใช่ราคาจริงๆหรือเปล่า
ประชาชนที่เดินทางมาจ่ายตลาดสดก็ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องงดรับประทานและบริโภคเนื้อหมูไปสักพักใหญ่ เพราะสูงไม่ไหวราคาเกินไปแต่หันมาซื้อเนื้อไก่กับเนื้อปลามาทำอาหารแทนแม้จะขึ้นราคาตามหมูก็ยังอยู่ในราคาที่พอสู้ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกอาหารทะเลก็มีการเพิ่มราคาไปด้วย ชาวบ้านใช้ชีวิตลำบากหันไปทางไหนก็มีแต่ของขึ้นราคาแต่รายได้ไม่เพิ่ม ยังคงหาเช้ากินค่ำเหมือนเดิม
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์