การบังคับฉีดวัคซีน เรื่องไม่ใหม่ที่มีในประวัติศาสตร์ยาวนาน!

การบังคับฉีดวัคซีน กับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับโลกใบนี้ เพราะแทบจะทุกคนตั้งแต่เกิดมา จะต้องมีการถูกบังคับให้ฉีดวัคซีนมากมาย ให้ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การบังคับฉีดวัคซีน มีมาหลายศตวรรษแล้ว อย่างไร??

ในศตวรรษที่ 17 แพทย์ชาวจีนพบว่าเมื่อทาฝีดาษบนบาดแผล อาจนำไปสู่ภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อที่อันตรายกว่า นั่นคือ ไข้ทรพิษ เมื่อเทคนิคนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกในที่สุด ผู้นำบางคนก็ได้รับคำสั่งให้ฉีดวัคซีนชนิดนี้ ตัวอย่างเช่น ระหว่างสงครามปฏิวัติอเมริกา ในปี 1777 นายพลจอร์จ วอชิงตันต้องการให้ทหารทุกนายฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ การฉีดวัคซีนทำให้การฉีดวัคซีนมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อนายแพทย์ชาวอังกฤษ Edward Jenner พัฒนาวัคซีนฝีดาษในปี พ.ศ. 2339 การฉีดวัคซีนบังคับเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1806 เอลิซา โบนาปาร์ต ผู้ปกครองเมืองลุกกาและปิออมบิโนในอิตาลีปัจจุบัน (และน้องสาวของนโปเลียน) ได้รับคำสั่งให้ฉีดวัคซีนทารกแรกเกิดและผู้ใหญ่ เหตุการณ์สำคัญอีกประการหนึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2396 เมื่อพระราชบัญญัติการฉีดวัคซีนบังคับกำหนดให้ทารกในอังกฤษและเวลส์ต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ แม้ว่าวัคซีนบางชนิด เช่น โปลิโอ จะได้รับความนิยมในขั้นต้น แต่รูปแบบหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ประชาชนทั่วไปคุ้นเคยกับข้อกำหนดของวัคซีนเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไป จากนั้นบางคนก็กลัววัคซีนชนิดใหม่

“สหรัฐอเมริกาได้รับคำสั่งให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970” Lee Hampton กุมารแพทย์และนักระบาดวิทยาทางการแพทย์ของ Gavi, Vaccine Alliance กล่าว และอิตาลีกำหนดให้เด็กต้องได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโรคต่างๆ อาทิ โรคคอตีบ โรคไอกรน โปลิโอไวรัส บาดทะยัก โรคฮิบ โรคคางทูม และอีสุกอีใส

คำสั่งวัคซีนเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีรายได้สูงตามข้อมูลของนายแพทย์แฮมป์ตัน นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงกับรูปแบบของรัฐบาลที่ “รัฐบาลเผด็จการมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับอาณัติการฉีดวัคซีน” เรื่องนี้อาจไม่น่าแปลกใจ เพราะเป็นการง่ายกว่าที่รัฐบาลรูปแบบนี้จะกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ รวมทั้งกฎเกณฑ์ที่สาธารณประโยชน์ (ในกรณีของวัคซีน)

ตัวอย่างเช่น แกมเบียได้รับคำสั่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันในวัยเด็กในปี 2550 ในช่วงการปกครองแบบเผด็จการ อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนบังคับยังพบได้ทั่วไปในประเทศประชาธิปไตยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระหว่างการระบาดใหญ่ รัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้กำหนดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ภาคบังคับสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชั่วคราวระหว่างการระบาดของไข้หวัดหมูในปี 2552

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยในสิ่งที่นับเป็น “อาณัติ” มีข้อโต้แย้งว่าการฉีดวัคซีนที่ได้รับคำสั่งจำนวนมากนั้นไม่ใช่ข้อบังคับทางเทคนิค เพราะผู้คนมักจะเลือกไม่รับได้ในบางสถานการณ์ เช่น ด้วยเหตุผลทางศาสนา และการบังคับใช้อาจหละหลวมหรือไม่มีเลย

การฉีดวัคซีนบังคับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้การฉีดวัคซีนบังคับผ่านการใช้กำลังหรือการข่มขู่ ล้วนแตกต่างกัน และแม้จะมีผลดีจากการเพิ่มการรับวัคซีน แต่ก็ยังมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าควรหลีกเลี่ยงกลยุทธ์นี้

กระนั้น ตามรายงานของ Yaqiu Wang นักวิจัยของจีนสำหรับฮิวแมนไรท์วอทช์ กลวิธีบีบบังคับรวมถึงการล่วงละเมิดและการสอดแนมกำลังได้รับรายงานในบางพื้นที่ของจีน นี่ไม่ใช่นโยบายระดับชาติที่เป็นทางการ หวังอธิบาย แต่รัฐบาลกลางได้ออกโควตาการฉีดวัคซีนที่เข้มงวดสำหรับรัฐบาลท้องถิ่น เช่น แนวทางการฉีดวัคซีนเด็กอย่างน้อย 90% ในเดือนกันยายนปี 2564 ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 “โควตา/พระราชกฤษฎีกาของรัฐบาลกลางประเภทนี้ผลักดันอัตราการฉีดวัคซีน แต่บางครั้งอาจส่งผลให้เกิดการฉีดวัคซีนบังคับในระดับท้องถิ่น” เขากล่าว

แม้ในกรณีที่ไม่มีแรงกาย บทลงโทษบางประการสำหรับการไม่ทำตามคำสั่งอาจเป็นผลเสียได้ ตัวอย่างเช่น หากมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจำนวนมากจากผู้ที่พบว่าเป็นการยากที่จะหยุดงานหรือเดินทางไปสถานที่ฉีดวัคซีน นี่เป็นข้อขัดแย้งในหมู่ผู้ปลูกไหมในศตวรรษที่ 19 และยังคงเป็นอุปสรรคสำหรับบางคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนในวันนี้

คำสั่งวัคซีนเป็น “สิ่งที่ต้องใช้เท่าที่จำเป็น” โดยมีระดับการบังคับใช้น้อยที่สุดตามข้อมูลของ Hampton เงื่อนไขสำหรับการใช้งานควรรวมถึง “การปรากฏตัวของโรคที่คุกคามชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่คุกคามถึงชีวิตอย่างสูง และ [การแทรกแซงที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ] เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคนั้น ซึ่งมักจะเป็นการผสมผสานที่ดีทีเดียว

“มันช่วยให้วัคซีนที่เรามีสำหรับ Covid-19 อยู่ในสมดุล ปลอดภัยจริง ๆ ” เขากล่าวเสริม เขายังคงมองโลกในแง่ดีว่าคำสั่งการฉีดวัคซีนจะยังคงเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการปกป้องประชากรแม้ว่าพวกเขาจะเผชิญการต่อต้าน

“ด้วยการใช้อย่างระมัดระวังและรอบคอบ ประโยชน์จากการใช้คำสั่งเหล่านั้นจะมีค่ามากกว่าอันตราย” เขากล่าว จะเพียงพอที่จะโน้มน้าวผู้คลางแคลงหรือไม่ยังคงต้องดู