ซากลูกแมมมอธสามหมื่นปี woolly mammoth เหมือนยังมีชีวิตอยู่แม้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว

ซากลูกแมมมอธสามหมื่นปี woolly mammoth เหมือนยังมีชีวิตอยู่แม้สูญพันธุ์ไปนานแล้วแต่สภาพสมบูรณ์ หลังถูกพบใต้ชั้นดินเยือกแข็งที่แคนาดา แมมมอธคือสัตว์ในประวัติศาสตร์ที่มีรูปร่างเหมือนกันกับกับช้างแตกต่างกันตรงที่ “ขน” และไม่สารถพบเจอตัวจริงได้

ซากลูกแมมมอธสามหมื่นปี สภาพสมบูรณ์ถูกพบใต้ชั้นดินเยือกแข็งที่แคนาดา

woolly mammoth นั้นถูกพบเจอเมื่อไม่นานมานี้ที่เขตแดนตะวันตกของประเทศแคนาดา สำหรับการพบเจอซากช้างแมมมอธน้อยขนยาวในสภาพที่สมบูรณ์เหมือนกับยังมีชีวิตในครั้งนี้นั้น คนงานของเหมืองทองนั้นเป็นคนไปพบเจอ ในตอนที่พวกเขานั้นกำลังตักดินแล้วรถนั้นก็ได้ไปโดนอะไรบางอย่างใต้โคลน เมื่อนำขึ้นมาพวกเขานั้นต้องตกตะลึงเพราะมันคือ “ซากช้างดึกดำบรรพ์” หลังจากที่นักโบราณคดีเข้ามาตรวจสอบ ทางนักโบราณคดีนั้นคาดว่ามันน่าจะมีอายุเก่าแก่กว่า 30,000 ปี

ส่วนสาเหตุที่ทำให้มันมีสภาพที่สมบูรณ์แบบนี้นั้นคาดว่ามาจากใต้ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว (permafrost) ที่มีสรรพคุณช่วงเก็บรักษาร่างของพวกมันเอาไว้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหาย เพราะโครงสร้างและผิวหนังตามลำตัวนั้นยังอยู่ครบทั้งหมดในสภาพสมบูรณ์ เหมือนอย่างกับมันนั้นยังมีชีวิตอยู่ เพราะขนและร่องรอยขีดข่วนที่เท้ายังปรากฏให้เห็นชัดเจน

ส่วนชื่อแมมมอธน้อยเพศเมียตัวนี้นั้นมีชื่อว่า Nun Cho Ga ชื่อนี้มีความหมายว่าลูกสัตว์ตัวใหญ่ ส่วนที่ไปที่มาของชื่อนี้นั้นเป็นจากสภาพร่างกายของมันที่ถูกพบเจออย่างสมบูรณ์ และเมื่อตอนมีชีวิตอยู่มันจะต้องสวยงาม และสมบูรณ์มากกว่านี้แน่นอน แถมว่าขนาดตัวของเจ้า Nun Cho Ga ยังเกือบเท่าๆกันกับซากลูกแมมมอธขนยาว Lyuba ที่มีอายุ สี่หมื่นสองพันปี ที่พบเจอในไซบีเรียเมื่อปี 2007 ส่วนการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตโบราณที่หลงเหลือถูกคาดการณ์ว่ามันน่าจะสูญพันธุ์ไปเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วพร้อมสัตว์ที่มีขนาดใหญ่อีกหลายชนิด ด้วยสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน

แมมมอธขนยาวเพศผู้นั้นคาดว่ามีความสูงประมาณ 3.5 เมตร สำหนับเพศเมียคาดการร์ว่าน่าจะตัวเล็กกว่า ส่วนงาที่โค้งงอนของพวกมันนั้นมีความยาวสูงสุดถึง 5 เมตร บริเวณขนที่ใต้ท้องนั้นหนาประมาณ 3 เมตรสามารถช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ส่วนใบหูของมันนั้นยาวน้อยกว่าช้างพร้อมหางที่สั้น

แม้ว่าแมมมอธจะมีพันธุกรรมที่เปรียบเสมือนช้างมาก 99.4 เปอร์เซ็นต์ ความต้องการที่อยากให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้ แม้ว่าเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจะออกมาเรื่อยๆ ก็ไม่ส่งผลให้การโคลนหรือดัดแปลงพันธุกรรมก็ไม่สามารถทำได้สำเสร็จโดยที่ไม่ทราบสาเหตุเลยว่ามันเป็นเพราะอะไร