Friday, 10 October 2025

ที่มาของ Google จากโปรเจกต์ในห้องพักสู่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก

วันนี้ถ้าพูดถึงการ “ค้นหา” บนโลกอินเทอร์เน็ต ชื่อแรกที่ทุกคนพูดพร้อมกันแทบจะไม่ต้องคิดเลยคือ “Google
แต่เชื่อไหมว่า บริษัทที่ตอนนี้มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มต้นจาก “โปรเจกต์วิจัยของนักศึกษาปริญญาเอกสองคนในห้องพักเล็ก ๆ” ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น

สล็อต xo Slotxo

🌱 จุดเริ่มต้นของ Google – จาก BackRub สู่ Search Engine ระดับตำนาน

เรื่องราวของ Google เริ่มขึ้นในปี 1995 เมื่อ “Larry Page (แลร์รี เพจ)” และ “Sergey Brin (เซอร์เกย์ บริน)” สองนักศึกษาปริญญาเอกด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้พบกันครั้งแรก ทั้งคู่มีความสนใจเหมือนกันคือ “การจัดระเบียบข้อมูลมหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ต” ซึ่งในยุค ประวัติศาสตร์ นั้นเว็บไซตต่าง ๆ ยังไม่มีระบบค้นหาที่ดีพอ Larry และ Sergey จึงเริ่มทำโปรเจกต์ชื่อว่า “BackRub” ที่ใช้ระบบ “การจัดอันดับหน้าเว็บตามจำนวนลิงก์ที่เชื่อมโยง (PageRank Algorithm)” ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ปฏิวัติวงการเว็บค้นหาเลยทีเดียว เพราะมันไม่เพียงแค่ค้นหาคำ แต่ยังวัด “ความสำคัญ” ของแต่ละเว็บด้วย

ต่อมาในปี 1997 ทั้งคู่ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจาก BackRub เป็น Google — มาจากคำว่า “Googol” ซึ่งเป็นคำทางคณิตศาสตร์หมายถึงเลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 100 ตัว เพื่อสื่อถึง “ข้อมูลมหาศาลที่พวกเขาต้องการจัดระเบียบ”

จุดเริ่มต้นของ Google

💡 จากโรงรถสู่บริษัท Google Inc.

ในปี 1998 Larry และ Sergey ได้จดทะเบียนบริษัทชื่อ “Google Inc.” และตั้งออฟฟิศแรกในโรงรถของเพื่อนในเมือง Menlo Park รัฐแคลิฟอร์เนีย

ไม่นานหลังจากเปิดให้ใช้งาน เว็บไซต์ “google.com” ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะการค้นหามีความแม่นยำสูง เรียบง่าย และโหลดเร็วกว่าเว็บอื่น ๆ ในยุคนั้น

บริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุนรายแรกคือ Andy Bechtolsheim ผู้ร่วมก่อตั้ง Sun Microsystems ซึ่งเขาเชื่อในแนวคิดของทั้งคู่ และมอบเช็คจำนวน 100,000 ดอลลาร์ให้แม้ Google จะยังไม่จดทะเบียนบริษัทด้วยซ้ำ

🚀 การเติบโตที่รวดเร็วและการเปลี่ยนโลก

หลังจากเปิดตัวเพียงไม่กี่ปี Google ก็กลายเป็นเว็บไซต์ค้นหาที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ในปี 2004 บริษัทได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ทำให้ Larry Page และ Sergey Brin กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน ตั้งแต่นั้นมา Google ไม่ได้หยุดแค่ “การค้นหา” แต่ยังขยายอาณาจักรไปทุกทิศทาง เช่น

  • Gmail (2004): ระบบอีเมลที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลฟรีมหาศาล

  • Google Maps (2005): แผนที่โลกออนไลน์ที่เปลี่ยนวิธีการเดินทางของมนุษย์

  • YouTube (2006): ซื้อกิจการเพื่อขยายเข้าสู่แพลตฟอร์มวิดีโอ

  • Android (2007): ระบบปฏิบัติการมือถือที่ปัจจุบันมีผู้ใช้มากที่สุดในโลก

  • Google Drive, Chrome, Docs, AI Tools: ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก

ทุกผลิตภัณฑ์ของ Google ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ “ทำให้ข้อมูลโลกสามารถเข้าถึงและเป็นประโยชน์ต่อทุกคน”

🧠 แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Google

สิ่งที่ทำให้ Google ยืนหนึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือ “ปรัชญา” ในการทำงานที่ยึดถือมาตลอด

“Focus on the user and all else will follow.”
(โฟกัสที่ผู้ใช้ แล้วสิ่งอื่นจะตามมาเอง)

Google ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ของผู้ใช้” มากกว่าการโฆษณา ซึ่งทำให้แบรนด์ได้รับความไว้วางใจสูงสุด นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กรแบบ “Creative + Fun + Freedom” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานใช้เวลา 20% ของการทำงานไปกับโปรเจกต์ที่ตัวเองสนใจ ก็ช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Gmail และ Google News

🌍 จาก Google สู่ Alphabet – การปรับตัวเพื่ออนาคต

🌍 จาก Google สู่ Alphabet – การปรับตัวเพื่ออนาคต

ในปี 2015 Google ได้ปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ โดยตั้งบริษัทแม่ชื่อ Alphabet Inc. เพื่อแยกธุรกิจออกเป็นหน่วยย่อย เช่น Google, Waymo (รถยนต์ไร้คนขับ), DeepMind (AI) และอื่น ๆ

จุดประสงค์คือเพื่อให้แต่ละหน่วยสามารถพัฒนาได้อิสระและคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในก้าวที่สำคัญที่สุดขององค์กรเทคโนโลยีในศตวรรษนี้

💬 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Google ที่คุณอาจไม่เคยรู้

  1. ชื่อ “Google” เกือบจะสะกดผิดเป็น “Googol” ตอนแรก!

  2. Google มีนโยบาย “Don’t be evil” (อย่าทำชั่ว) เป็นคำขวัญหลักขององค์กรยุคแรก

  3. หน้าหลักของ Google เคยเรียบจนไม่มีปุ่ม “Search” เพราะผู้ก่อตั้งไม่รู้ HTML ดีพอ

  4. ปุ่ม “I’m Feeling Lucky” เป็นสัญลักษณ์ของการค้นหาอย่างมั่นใจและไม่กลัวผิดพลาด

🔎 สรุปที่มาของ Google

Google เริ่มจากแนวคิดเล็ก ๆ ของนักศึกษาสองคน ที่อยาก “จัดระเบียบข้อมูลของโลกให้เป็นประโยชน์กับทุกคน” และวันนี้พวกเขาทำได้จริง — จากโปรเจกต์ในห้องพักนักศึกษา กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก Google ไม่ได้แค่เปลี่ยนวิธี “ค้นหา” ของมนุษย์ แต่เปลี่ยนวิธีที่เราดำเนินชีวิตบนโลกดิจิทัลไปตลอดกาล