Friday, 26 April 2024

ปราการ น้ำแข็งสูงปิดกั้นทาง เข้าทวีปอเมริกายุคโบราณสูงเสียดฟ้าเท่ากับตึก 300 ชั้นเมื่อ 20,000 ปีก่อน

ปราการ น้ำแข็งสูงปิดกั้นทาง ข้ามผ่านทวีปอเมริกายุคโบราณสูงเสียดฟ้าเท่ากับตึก 300 ชั้นเมื่อ 20,000 ปีก่อนที่ตั้งตระหง่าดขวงกั้นไม่ให้มนุษย์เดินทางเข้าทวีปอเมริกาได้ อีกหนึ่งเรื่องในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและทำให้ผู้คนนั้นทึ้งมากที่สุดนั้นก็คือ ปรากฏการน้ำแข็งสูงขวางกั้นทางเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา

สล็อต xo Slotxo

น้ำแข็งสูงปิดกั้นทาง เข้าทวีปอเมริกายุคโบราณสูงเสียดฟ้าเท่ากับตึก 300 ชั้นเมื่อ 20,000 ปีก่อน

น้ำแข็งสูงปิดกั้นทาง-เข้าทวีปอเมริกา

เรื่องประวัติศาสตร์นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะประวัติศาสตร์เมื่อหลายพันปีก่อน อย่างเช่นเรื่องปราการน้ำแข็งสูงปิดกั้นทางที่เรานนำมาให้ดูในวันนี้ วารสารชื่อจากต่างประเทศ PNAS นั้นได้ทำการตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดจากทีมนักธรณีวิทยานานาชาติเอาไว้ว่า เมื่อราว ๆ 23,000 – 33,000 ปีก่อน เชื่อกันว่าชาวพื้นเมืองอเมริกันคนแรกนั้นเดินทางมาถึงทวีปอเมริกาด้วยวิธีล่องเรือมาเรื่อย ๆ ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก แต่อีกหนึ่งวิธีที่ปรากฏว่านิยมทำแต่ก็ไม่เยอะเท่ากับการล่องเรือนั้นก็คือเดินทางมาด้วยเท้าเปล่าข้ามสะพานแผ่นดินเบริงเจีย จุดข้ามผ่านที่เชื่อมกันกับไซบีเรียกับอเมริกาเหนือ

น้ำแข็งสูงเสียดฟ้าเท่ากับตึก 300 ชั้น

และในยุคปัจจุบันคำถามถึงเรื่องการเดินทางมาถึงทวีปอเมริกาของมนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโมเซเปียนส์ก็ยังเป็นประเด็นเด็ดที่นำมาเถียงกันอยู่ และที่ยังพูดถึงไม่เลิกนั้นเป็นเพราะว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้หลักฐานใหม่หลายชิ้นถูกค้นพบขึ้น มีทั้งฟอสซิลรอยเท้ามนุษย์และเครื่องมือหินอายุเก่าแก่ และหลักฐานที่ค้นพบนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ได้มาถึงดินแดนแห่งนี้ก่อนช่วงปลายยุคน้ำแข็งที่ปกคลุมภูมิภาคอเมริกาเหนือ และน้ำแข็งนั้นมีความหนาเกือบ 1 กิโลเมตร นั้นก็แปลว่ามนุษย์นั้นไม่ได้ใช้การเดินทางข้ามผ่านสะพานแผ่นดินเบริงเจียเพิ่งปรากฏขึ้นหลังน้ำแข็งละลายจนหมดเมื่อราว ๆ 14,000 – 15,000 ปีที่แล้ว

น้ำแข็งสูงปิดกั้นทาง-ทวีปอเมริกาของมนุษย์ยุคใหม่

ภายหลังจากการพบค้นได้มีทำการตรวจสอบหลักฐานที่ถูกค้นพบจากทางธรณีวิทยาจำนวน 64 ตัวอย่าง ซึ่งหลักฐานที่เก็บได้นั้นเก็บได้ห่างจากบริเวณช่องแคบแบริง (Bering Strait) และไปเก็บจากชั้นหิน 6 แห่ง และสถานที่แห่งนี้นั้นก็คือที่ที่สะพานแผ่นดินเบริงเจียลอยู่ในอดีตนั้นเอง ส่วนการตรวจสอบนั้นจะตรวจดูว่าชั้นหินนั้นเคยได้ขึ้นมาอยู่ที่พื้นผิวโลกเมื่อใด และอยู่ที่นี้มานานมากแค่ไหนแล้ว ส่วนวิธีหาคำนวนนั้นสามารถตรวจสอบได้จากปริมาณสารกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้น เมื่อชั้นหินได้สัมผัสกับรังสีคอสมิกจากห้วงอวกาศผลที่ออกมาให้เห็นนั้นบอกว่า สะพานแผ่นดินเบริงเจียเมื่อ 13,800 ปีที่แล้วยังไม่ปรากฏขึ้นว่าสร้างสำเร็จแล้ว โดยช่วงก่อนหน้านั้นมีอีกหนึ่งช่องทางก็คือทางกำแพงน้ำแข็งที่มีความหนามากโดยเฉลี่ยนแล้วความหนานั้นราวๆ 455-910 เมตร ตั้งขวางกั้นทางอยู่อย่างตตะหง่าด ซึ่งความสูงของกำแพงน้ำแข็งนี้นั้นเมื่อเทียบกับตึกเบิร์จคาลีฟาที่สูงที่สุดในโลกนั้น (Burj Khalifa) มันสูงกว่ามาก

ช่องทางก็คือกำแพงน้ำแข็งที่มีความหนาประมาณ 455-910 เมตร

ผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยออริกอนสเตตของสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันในนามว่า ดร. โจรี คลาร์ก ได้กล่าวทิ้งท้ายสรุปเอาไว้ว่า ข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขานั้นค้นพบนั้นค่อนข้างมีความสมบูรณ์แบบพอที่จะชี้ให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า มนุษย์กลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงทวีปอเมริกานั้นอาศัยการเดินทางด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การเดินเท้าเข้ามา เพราะน้ำแข็งที่ปกคลุมเยอะ และภายหลังจากนี้เป็นต้นไปพวกเราอาจจะต้องไปศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่ากลุ่มมนุษย์ที่เดินทางด้วยเท้ามาทีหลังด้วยวิธีการเดินเท้าเปล่าข้ามสะพานแผ่นดินเบริงเจียนั้นเดินทางข้ามมาทวีปอเมริกาได้เมื่อใดกันแน่ คำกล่าวจาก ดร. คลาร์ก หลักฐานทางธรณีวิทยาที่ถูกค้นพบล่าสุดนั้นชี้ให้มนุษย์โลกเห็นแล้วว่า เมื่อในอดีตนั้นโลกของเรามีกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ที่ตั้งสูงตระหง่านเทียบเท่ากับตึกระฟ้า 300 ชั้น ตั้งขวางกั้นห้ามมิให้ด้วยการเดินเท้าอพยพเข้าสู่ทวีปอเมริกาได้ เมื่อราว ๆ 20,000 ปีก่อน ซึงเรื่องนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องในประวัติศาสตร์ที่น่าทึ้ง!! และน่าสนใจเป็นอย่างมาก