Thursday, 2 May 2024

รู้ไหมว่า พีระมิดที่อียิปต์ มีเพียง 118-138 แห่งเท่านั้นแม้ว่าจะได้รับาฉายาว่าคือ “แดนพีระมิด”

รู้ไหมว่า พีระมิดที่อียิปต์ มีเพียง 118-138 แห่งเท่านั้นแม้ประวัติศาสตร์จะบอกเอาไว้ว่าจะที่แห่งนี้มีฉายาว่าคือ “แดนพีระมิด” แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะประเทศ“ซูดาน” ที่มีพีระมิดเยอะมากที่สุดในโลกจนสามารถเอาชนะมากแดนฟาโรห์ได้เพราะมีมากถึง 200 แห่ง

สล็อต xo Slotxo

พีระมิดที่อียิปต์ มีไม่มากเท่าที่ประเทศ “ซูดาน” ที่มีพีระมิดมากกว่าจนชนะแดนฟาโรห์ถึง 200 แห่ง

พีระมิดที่อียิปต์-มีไม่มากเท่าที่ประเทศ “ซูดาน”

เมื่อพูดถึงพีระมิดเชื่อเลยว่าทุกคนนั้นจะต้องนึกถึงประเทศอียิปต์ขึ้นมาในหัวประเทศแรกแน่นอน เพราะตั้งแต่เด็กที่เราเรียนมาหนังสือประวัติศาสตร์และหนังสือสังคมนั้นมักบอกว่า อียิปต์คือ ดินแดนแห่งพีระมิด เมื่อคือดินแดนแห่งพีระมิดจำนวนของพีระมิดนั้นมันก็จะต้องเยอะพอควรแหละถึงจะได้รับฉายานี้ขึ้นมา จากความคิดของหลายๆคน แต่ในโลกของความจริงนั้นบอกเอาไว้ว่า อียิปต์ไม่ใช่ประเทศที่มีพีระมิดมากที่สุดในโลก!!เพราะ…

ประเทศ “ซูดาน” คือประเทศที่มี “พีระมิด” มากที่สุดในโลก

ประเทศ “ซูดาน” คือประเทศที่มี “พีระมิด” มากที่สุดในโลก

พีระมิดเยอะมากที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศ “ซูดาน” ต้องขอบอกเลยนะว่าพีระมิดของดินแดนแห่งนี้นั้นมีมากกว่าสองร้อยแห่ง เมื่อนำไปเทียบกับดินแดนอียิปต์นั้นบอกเลยว่าแพ้เห็นๆเพราะที่อียิปต์นั้นมีพีระมิดเพียง 118-138 แห่งเพียงเท่านั้น ส่วนตัวเลขจำนวนของพีระมิดที่ว่ามานั้นไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่ามีจริงๆตามนนั้นหรือเปล่า!??

แล้วทำไมประเทศซูดานถึงมีพีระมิดมากกว่าอียิปต์ถึงเท่าตัว?

อียิปต์ไม่ใช่ดินแดนเดียวที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำไนล์แม่น้ำสายใหญ่ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างอารยธรรมลุ่มน้ำได้ แต่กลับมีหนึ่งดินที่มีชื่อว่า “ซูดาน” ในสมัยโบราณที่เรียกดินแดนแห่งนี้กันว่า “นูเบีย” (Nubia) ซึ่งมันก็คือหนึ่งทางผ่านของแม่น้ำไนล์ก่อนจะเข้าสู่อียิปต์ แม้ว่าเขตพื้นที่รอบๆส่วนมากนั้นจะมีพียงแค่ดินทรายที่ดูแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ แต่บริเวณรอบนอกด้านข้างนั้นก็ยังพอมีพื้นที่ที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ตามแนวแม่น้ำไนล์ที่สามารถสร้างอารยธรรมลุ่มน้ำขึ้นมาได้

พีระมิดที่อียิปต์-แล้วทำไมประเทศซูดานถึงมีพีระมิดมากกว่าอียิปต์ถึงเท่าตัว?

เมื่อ 4,500 ปีที่ผ่านมาคาดว่าเป็นช่วงที่อารยธรรมนูเบียถูกก่อตั้งขึ้นให้มีจุดศูนย์กลางตั้งอยู่ที่นครเคอร์มา (Kerma) คาดว่าน่าจะอยู่ในเขตข้างบนฝั่งแม่น้ำไนล์ และในยุคนั้นชาวนูเบียนั้นก็มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการทำเกษตรเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชจนสามารถส่งออกสัตว์ป่าจากแอฟริกาได้ เมื่อชื่อเสียงโด่งดังและอารยธรรมเริ่มขยายใหญ่ไปตามลุ่มน้ำไนล์ แน่นอนว่าพวกเขานั้นจำเป็นจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกับบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างอียิปต์ทางตอนเหนือ เมื่อติดต่อสื่อสารกันแล้วทั้งสองเขตแดนนั้นก็ต่างเข้ามาทำมาค้าขายและเปลี่ยนสินค้าและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันต่างๆกันอย่างมากมาย แต่ถ้าว่าจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่นั้นมาถึงเมื่อประมาณ 3,500 ปีก่อน เมื่อ New Kingdom กษัตริย์ยุคราชวงศ์ใหม่ของอียิปต์ขึ้นตครองราช ได้ทำการรุกรารยึดครองแผ่นดินของนูเบียมานานหลายร้อยปี และนี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของอียิปต์

แล้วทำไมประเทศซูดานถึงมีพีระมิดมากกว่าอียิปต์ถึงเท่าตัว?

ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ยุคราชวงศ์ใหม่แห่งอียิปต์ในช่วงนั้นทางชาวนูเบียก็ได้เรียบรู้และนำเอาวัฒนธรรมของอียิปต์ไปใช้ประโยชน์มากมายอย่างเช่น การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน การนับถือศาสนาเทพเจ้ารวมไปถึงอักษรภาพ hieroglyphic ชาวนูเบียนั้นก็นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย แม้วัฒนธรรมของอียิปต์จะเข้ามาแทรกแซงผู้คนเป็นอย่างมากในทุกๆอย่าง แต่ชาวนูเบียนั้นก็ยังคงภาษา,ลการแต่งกาย,สีผิวที่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเอาไว้ที่เรานั้นสามารถมองเห็นได้อย่างเช่น พวกภาพสลักหรือภาพวาดร่วมสมัย

พีระมิดที่อียิปต์-มีเพียง 130-180 แห่ง

ในช่วงที่อียิปต์กับตะวันออกกลางกำลังตกอยู่ภายใต้วิกฤตการล่มสลายยุคสำริด (Bronze Age Collapse) เมื่อประมาณ 3,070ปีที่แล้ว ชาวนูเบียนั้นก็เลยฉวยโอกาสตั้งอาณาจักรอิสระใหม่ขึ้นมาในชื่อ Kingdom of Kush หรืออาณาจักรคูช และในช่วงนั้นมีข่าวออกมาว่าพวกเขานั้นเคยเข้าไปรุกรานราชวงศ์ที่ 25 แล้วทำการขึ้นปกครองอียิปต์เป็นเวลามากกว่าร้อยปี ก่อนที่พวกเขานั้นจะถูกรุกรานจากอาณาจักรอื่นในปีต่อๆมา ในขณะที่การสร้างพีระมิดที่อียิปต์เริ่มไม่เป็นที่น่าสนใจ ทางด้านกษัตริย์และชนชั้นสูงแห่งคูชนั้นกลับให้ความสนใจในการสร้างสุสานทรงพีระมิดเป็นอย่างมาในช่วงนั้น แค่ชอบอย่างไม่พอเพราะพวกเขานั้นแห่กันไปสร้างสุสารทรงพีระมิดเอาไว้เพื่อฝั่งร่างของตนเองเมื่อตายแล้วอย่างมากมาย แน่นอนว่าชาวนูเบียนั้นมีทรัพย์สินเงินทองมากมายพอที่จะสามารถนำเอาไปแลกเปลี่ยนมาสร้างพีระมิดขนาดเล็ก เอาไว้ให้ครอบครัวของตัวเอง ดังนั้นพีระมิดที่มีขนาดเล็กและขนาดใหญ่จึงเริ่มสร้างขึ้นมาอย่างมากมายในดินแดนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลที่อียิปต์มีพีระมิดน้อยกว่าซูดานั้นเป็นเพราะว่าเมื่อก่อน ชนชั้นสูงแห่งอียิปต์ชื่นชอบการสร้างสุสานที่มีหลังคาแบนที่เรียก “มัสตาบา” (Mastaba) มากกว่าทรงพีระมิด

แม้ว่าจะเป็นพีระมิดที่เหมือนกันแต่ถ้าลองสังเกตให้ดีจะพบว่ามันมีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยของสองประเทศเนื่องงจาก พีระมิดของอียิปต์นั้นนจะเห็นได้เลยว่ามีองศาที่ไม่ชัดเจน ส่วนฐานและความกว้างนั้นกว้างกว่าของซูดานแต่ของซูดานนั้นจะมีรูปร่างและองศาที่เห็นชัดเจนมากกว่าของอียิปต์ และเมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไปดินแดนอียิปต์ที่เคยมั่นคง และสมบูรณ์นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตามการขึ้นครองราชย์ขึ้นปกครอง จนทำให้วัฒนธรรมกรีกวัฒนธรรมโรมันเข้ามาในอียิปต์ สุดท้ายเทพเจ้าอียิปต์โบราณก็เสื่อมความนิยมลดลงจนจางหายไปจากความทรงจำเรื่อยๆ สุดท้ายศาสนาคริสต์ก็เข้ามาแทนที่ในที่สุด

ชาวนูเบียนั้นกลับรักษาวัฒนธรรมโบราณของอียิปต์เอาไว้ให้คงอยู่ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

แต่ทางชาวนูเบียนั้นกลับรักษาวัฒนธรรมโบราณของอียิปต์เอาไว้ให้คงอยู่ได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แถมว่าพีระมิดที่เป็นเอกลักษณ์ของอียิปต์นั้นก็สร้างขึ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 4 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเทพและวัฒนธรรมนั้นจะยังคงอยู่คู่ชาวนูเบียเยอะมากแค่ไหน เพราะเมื่อมองไปตามวิหารและโบสถ์จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่ายังมีอยู่ และในบางครั้งชาวนูเบียยังรุกรานวิหารเก่าตามชายแดนเพื่อเปลี่ยนเป็นโบสถ์อีกด้วย ดังนั้นหากจะพูดว่าชาวนูเบียคือผู้คนที่ยึดถือวัฒนธรรมของอียิปต์เอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะสุดท้ายนูเบียหรือซูดานนั้นก็คือผู้ที่มีพีระมิดมากที่สุดในโลกแทนที่จะเป็นอียิปต์