ย้อนรอย “มนุษย์กิน” คนแห่งโกเบ “อิซเซ ซากาวะ” ฆาตกรชาวญี่ปุ่นที่ลอยนวลและไม่เคยต้องรับโทษใดๆ

ย้อนรอยข่าวต่างประเทศ–ประวัติศาสตร์ มนุษย์กินคนแห่งโกเบ “อิซเซ ซากาวะ” ฆาตกรชาวญี่ปุ่นที่ไม่เคยได้รับโทษเลยแม้ “กินหญิงสาวชาวดัตช์” ลงไป เขาก็ยังสามารถลอยนวนใช้ชีวิตได้ปกติแถมยังมีผลงานมากมาย ล่าสุด อิซเซ ซากาวะ เสียชีวิตลงแล้วในวัย 73 ปี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา

มนุษย์กินคนแห่งโกเบ ที่ไม่เคยได้รับโทษเลยแม้ “กินหญิงสาวชาวดัตช์” ลงไป ล่าสุดเสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 73 ปี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา

“อิสเซ ซากาวะ” หรือที่เรารู้จักกันในนามฆาตกรชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุโรคปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ทางครอบครัวได้จัดงานศพเล็กๆที่มีแค่ญาติพี่น้องเท่านั้นที่ร่วมงาน โดยไม่ได้เปิดพิธีเป็นสาธารณะแต่อย่างใด

เรื่องราวของอิสเซ ซากาวะเกิดขึ้นเมื่อปี 1981 ในตอนที่อิสเซ ซากาวะอายุ 32 ปี และกำลังเรียนปริญญาเอกที่ Sorbonne University ในประเทศฝรั่งเศส และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1981 อิสเซ ซากาวะได้ชวน เรเน่ ฮาร์เทอเวลต์ (Renée Hartevelt) เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นหญิงชาวดัตช์ วัย 25 ปี มาที่บ้าน

ก่อนที่เขานั้นจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปที่ต้นคอด้านหลังของเรเน่ ฮาร์เทอเวลต์ จนเธอล้มลงเสียชีวิตคาที่ ในเวลาต่อมาอิสเซ ซากาวะก็ได้ข่มขืนศพของเรเน่ ฮาร์เทอเวลต์  และพยายามจะกัดกินเนื้อบริเวณสะโพกแต่เนื้อน่าจะแข็งเกินไป จึงออกไปซื้อมีดแล่เนื้อมาแล่เนื้อของฮาร์เทอเวลต์ ก่อนจะนำมากินดิบๆ แล้วเอาส่วนที่เหลือมาปรุงอาหาร

เมื่อศพเริ่มของเรเน่ ฮาร์เทอเวลต์เริ่มส่งกลิ่นเหม็นอิสเซ ซากาวะก็ได้นำศพยัดใส่กระเป๋าเดินทางจำนวนสองใบ เพื่อนำศพไปทิ้งที่ทะเลสาบในสวนสาธารณะ บัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) แต่ถ้าว่าการเคลื่อนย้ายศพนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก และมีพิรุธ ทำให้เขาถูกตำรวจจับที่สวนสาธารณะดังกล่าว

หลังจากที่ถูกจับกุมตัวศาลฝรั่งเศสก็พากษาว่า “อิสเซ ซากาวะ” ไม่สามารถต่อสู้คดีได้จึงให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลจิตเวชสำหรับอาชญากร ซึ่งเป็นการตัดสินที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสไม่พึ่งพอใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้ภาษีเลี้ยงดูเจ้าฆาตรกรนี้ ในเวลาต่อมาจึงถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่นในปี 1984

แต่เพราะ“อิสเซ ซากาวะ” ไม่ได้ถูกตั้งข้อหาตอนที่อยู่ฝรั่งเศส พอส่งตัวมาอยู่ที่ญี่ปุ่น “อิสเซ ซากาวะ” จึงไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งสิ้น และเขาก็กลายเป็นอิสระ ก่อนจะผันตัวมาเป็นนักเขียนถึงคดีฆาตกรรมของตัวเอง อย่างเช่น บันทึกชีวประวัติที่ชื่อ ‘คิริ โนะ นาคะ (Kiri No Naka) ที่แปลว่าในหมอกควัน และมีภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับคดีของเขา ที่ชื่อ ‘Caniba’