Saturday, 23 November 2024

ทำความรู้จัก “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” กษัตริย์คนใหม่แห่งสหราชอาณาจักร

ทำความ รู้จักพระเจ้าชาร์ลส์ King Charles III กษัตริย์นักสิ่งแวดล้อมแห่งเครือจักรภพที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึก “กษัตริย์” คนใหม่แห่งสหราชอาณาจักร Charles III of the United Kingdom ผู้สืบราชสันตติวงศ์ในลำดับที่ 1 ตามลำดับทายาทคนโตของQueen Elizabeth II และ Prince Philip, Duke of Edinburgh

สล็อต xo Slotxo

รู้จักพระเจ้าชาร์ลส์ King Charles III กษัตริย์นักสิ่งแวดล้อมแห่งเครือจักรภพ

รู้จักพระเจ้าชาร์ลส์-กษัตริย์นักสิ่งแวดล้อม

ภายหลัง Queen Elizabeth II of the United Kingdom เสด็จสวรรคต กษัตริย์คนใหม่ที่จะขึ้นมาแทนคือ King Charles III หรืออดีตเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้สืบราชสันตติวงศ์ในลำดับที่ 1 ตามลำดับทายาทคนโตของ Queen Elizabeth II และ Prince Philip, Duke of Edinburgh ถึงแม้กษัตริย์อังกฤษจะไม่ได้ถืออำนาจเอาไว้ที่ในมือให้เห็นได้อย่างโดนเด่น

แต่หากใครเคยดูซีรีส์ The Crown ทาง Netflix จะทราบว่าผู้ครอบครองมงกุฎแห่งเครือจักรภพมีพลังมาเพียงใด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3 ที่กำลังจะขึ้นมารับ “มงกุฎเครือจักรภพ” ต่อมีประวัติอย่างไร และ King Charles III จะใช้อำนาจที่ถืออยู่พาประเทศและโลกไปในทิศทางไหน

King Charles III กษัตริย์นักสิ่งแวดล้อมแห่งเครือจักรภพ

ก่อนมาเป็น “King Charles III”

King Charles III  เกิดวันที่ 14 พฤศจิกายน 1948 ในปี 2022 นี้ King Charles III  มีพระชนมายุ 73 พรรษา คือบุตรชายคนแรกจากลูกทั้ง 4 คนของ Queen Elizabeth II และ Prince Philip, Duke of Edinburgh พระองค์แตกต่างจากชนชั้นสูงทั่วไปเพราะพระองค์มีครูมาสอนที่บ้าน

เนื่องจากว่าพนะองค์ถูกส่งเข้าเรียนระดับประถม มัธยม และจบการศึกษาในวิชาHistory, anthropology and archeology จาก University of Cambridge เหมือนกันกับประชาชนคนทั่วไปจากการรายงานของสื่อนั้นบอกว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3 เป็นเจ้าชายที่มีบุคลิกที่แตกต่างและลึกลับพอสมควร

คาดการณ์ว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นน่าจะมาจาก “ภาระหน้าที่” ที่พระองค์ทรงแบกอยู่ควบคู่ไปกับความสงสัยในความสามารถของตัวพระองค์ นอกจากนี้ในวัยเด็ก King Charles III ยังต้องไม่ได้อยู่กับพระมารดา Queen Elizabeth II ตั้งแต่ที่พระองค์มีพระชนมายุ 1 พรรษาในช่วงที่ Queen Elizabeth II ขึ้นครองราชย์ระยะเริ่มต้น อีกทั้งพระองค์ยังถูกเพื่อนกลั่นแกล้งในตอนที่เรียนมัธยมด้วย

ก่อนมาเป็น “King Charles III”

King Charles III  แต่งงานครั้งแรกกับ Diana, Princess of Wales เมื่อปี 1981 และให้กำเนิด Prince William of Gloucester และเจ้าชายแฮรี่ Prince Harry, Duke of Sussex ผู้มีสิทธิสืบราชสันตติวงศ์ในลำดับที่ 2 และ 6 ก่อนที่ทั้งสองคนจะหย่าขาดกันในปี 1992 เพราะไม่สามารถใช้ชีวิตคู่ด้วยกันต่อไปได้

และพระองค์ได้สมรสใหม่กับ Her Royal Highness the Duchess of Cornwall  หรือ Camilla, Queen of the United Kingdom ที่เคยเป็นอดีตคนรักเก่าในปี 2018 สมเด็จ Elizabeth Alexandra Mary เคยกล่าวถึง King Charles III  ไว้ว่า

“เป็นความต้องการของข้าพเจ้าที่จะให้เครือจักภพยังคงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคง เพื่อคนรุ่นต่อไป และเมื่อถึงวันนึงเจ้าฟ้าชาย Charles จะเป็นผู้ขึ้นมารับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ที่พ่อของข้าพเจ้าเริ่มมาตั้งแต่ปี 1949 ต่อไป” ตลอด 73 ปีแห่งตำแหน่งเจ้าฟ้าชาย Charles พระองค์ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมากในหลายๆเรื่องอย่างเช่น

  • การออกมาปกป้องการล่าสุนัขจิ้งจอก
  • ความเชื่อประหลาดเรื่องสุขภาพ
  • การแสดงความเห็นถึงสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
  • พระองค์เป็นรักต้นไม้มาก
  • พระองค์พึมพำพูดคุยกับต้นไม้ขณะรดน้ำ

นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3  ยังมักถูกสาธารณชนตั้งคำถามถึงความเป็นกลางทางการเมืองของพระองค์ ที่ทางสื่อข่าว The Guardian เคยเผยแพร่ข่าวที่เจาะลึกในชื่อ “บันทึกแมงมุม” ที่รวบรวมจดหมายที่พระเจ้า Charles 3  เขียน lobby ถึงคณะรัฐมนตรีในหลายๆเรื่องตั้งแต่ การทำประมงผิดกฎหมาย จนถึงการสนับสนุนให้ส่งทหารเข้าไปเพิ่มในสงครามอิรัก

Charles III of the United Kingdom

ตำนาน “กษัตริย์” นักอนุรักษ์

พระเจ้า Charles 3 จริงจังและเป็นผู้นำคนแรกๆ ที่เดินออกมากล่าวถึงประเด็นปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งนิตยสาร Town and Country อธิบบายว่า พระองค์เริ่มพูดเรื่องนี้เป็นครั้งแรกช่างเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1970 พระองค์พูดถึงความร้ายแรงของมลพิษทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกที่ย่อยสลายได้ยาก

และในปี 2020 พระองค์ก็ได้พูดถึงวิธีปรับตัว 10 ข้อเพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน ที่ถูกจัดขึ้นภายในงานระดับโลกอย่าง World Economic Forum และในปี 2021 พระองค์ก็ได้ท่องสุนทรพจน์ในงาน COP26 ที่ Scotland เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำทุกประเทศทำสงครามอย่างจริงจังกับสภาวะโลกร้อน ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แค่พระองค์เขาเท่านั้นที่ปฏิบัติเช่นนี้

เพราะทั้ง british royal family กำลังจริงจังกับประเด็นนี้อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น Prince William ที่ได้กล่าวถึงปัญหาสภาวะโลกร้อน ผ่านช่อง TED รวมถึงรางวัล Earth Shot ที่ Prince William ได้มอบทุนให้แก่นวัตรกรรมที่ต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นที่กล่าวมา

และถ้าเราไปดูในเว็บไซต์ของ Buckingham Palace จะเห็นได้ว่าพระองค์ได้เปิดประเด็นเอาไว้หนึ่งข้อ สำหรับอธิบายว่า Buckingham Palace ทำอย่างไรบ้าง เพื่อลดปัญหาโลกร้อน โดยอธิบายว่าพวกเขาเริ่มต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2006 และเริ่มหันมาใช้พลังงานน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้านานแล้ว และยังลงทุนเพิ่มเติมเรื่อยๆ เพื่อเปลี่ยนการใช้พลังงานของทั้ง Buckingham Palace

Anthropologist ในอังกฤษหลายจำนวนไม่น้อยบอกว่า พวกเขานั้นมีความคิดเห็นที่เหมือนกันว่า Monarchy of the United Kingdom ดำรงอยู่ได้เพราะการปรับตัว และประเด็นที่กษัตริย์องค์ใหม่เปิดและดำเนินการมาตั้งแต่ยังอายุน้อย ก็นับว่ายังร่วมสมัยและเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากมายสำหรับกลุ่มของคนรุ่นใหม่ และคนทั่วโลก

“พระองค์ทรงต้องการพิทักษ์โลกใบนี้” คือคำนิยามจาก Her Royal Highness the Duchess of Cornwall  พระชายาของพระเจ้า King Charles III  ถึงสิ่งที่ King Charles III  ทำมาตลอด 50 ปี