Friday, 10 October 2025

สังหารหมู่แห่งนานกิง: บาดแผลเลือดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก

เหตุการณ์ สังหารหมู่แห่งนานกิง (Nanking Massacre หรือ Rape of Nanking) เป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมจากสงครามที่โลกไม่อาจลืม ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 1937 เป็นต้นมา เมื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าโจมตีและยึดนครนานกิง (หรือ “นานจิง”) เมืองหลวงเก่าของจีน แล้วตามมาด้วยการกวาดล้างประชาชน ราวกับจุดจบของมนุษยธรรมในเมืองนั้น บทความนี้จะเล่าให้คุณฟังถึงที่มา เหตุการณ์สำคัญ ผลกระทบ และการจดจำ เพื่อให้เรื่องราวนี้ไม่จางหายไปตามกาลเวลา

สล็อต xo Slotxo

🕰 จุดเริ่มต้น & ภูมิหลังสงคราม

สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 (Second Sino-Japanese War) เป็นเวทีของการต่อสู้ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะทหาร แต่ลงลึกถึงประชาชน ธงศึกเริ่มขึ้นเมื่อญี่ปุ่นขยายอำนาจทางทหารเข้าไปในจีนหลายส่วน และเมื่อญี่ปุ่นชนะการยุทธการที่เซี่ยงไฮ้ พวกเขาก็มุ่งหมายไปยังเมืองหลวงของจีนในเวลานั้นคือ นานกิง

วันที่ 13 ธันวาคม 1937 นานกิงได้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพญี่ปุ่น ที่มีคำสั่งให้นำไปสู่การดำเนินการ “สังหารหมู่” ต่อผู้ที่อยู่ในเมือง — ไม่ว่าจะเป็นทหารจีนที่ยอมแพ้ ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ หรือผู้ลี้ภัย — โดยไม่มีการแบ่งแยก

ประเด็นสำคัญ:

  • เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์หลังญี่ปุ่นเข้ายึดเมืองนานกิง
  • ประชาชนจำนวนมากถูกสังหารแบบเป็นระบบ ทั้งชาย หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ
  • มีการข่มขืน การปล้น ทารุณ และการทำลายเมืองควบคู่ไปกับการสังหาร

สรุปเรื่องราว สังหารหมู่แห่งนานกิง

🔪 เหตุการณ์ที่ไม่อาจลืม

การลำดับเหตุการณ์

  1. การเข้าโจมตีนครนานกิง & ยึดครอง
    หลังการรบในเซี่ยงไฮ้สำเร็จ กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพสู่เมืองหลวงจีน และเข้ายึดนครนานกิงเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1937
  2. ระยะสังหารหมู่
    ในช่วง 6 สัปดาห์ต่อมา กองทัพญี่ปุ่นสังหารผู้คนแบบกลุ่มใหญ่ ประณามคนที่ยอมแพ้ ขับไล่ ชาย ฉะนั้นจึงเกิดการสังหารแบบเป็นระบบ เช่น การตั้งแถวยิง การใช้ปืนกล และใช้อาวุธอื่น ๆ 
  3. ข่มขืน & การทารุณกรรม
    การข่มขืนเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย — ผู้หญิง หน้าต่างผู้สูงอายุก็ไม่เว้น — ทั้งในบ้าน โรงเรียน โบสถ์ และโรงพยาบาล
  4. การเผาทำลาย & ปล้นสะดม
    นอกจากการฆ่าแล้ว ญี่ปุ่นยังเผาบ้านเรือน อาคารสำคัญ และปล้นทรัพย์สินของประชาชนอย่างกว้างขวาง
  5. การปิดเขตปลอดภัย (Safety Zone)
    มีการตั้งเขตปลอดภัยบางส่วนโดยชาวต่างชาติและมูลนิธิ เพื่อให้ผู้ลี้ภัยในเมืองได้รับความคุ้มครองชั่วคราว แต่ในหลายกรณีก็ถูกละเมิดโดยกองทัพญี่ปุ่นเอง

📊 จำนวนผู้เสียชีวิต & ตัวเลขที่โต้แย้ง

หนึ่งในประเด็น ประวัติศาสตร์ ที่มีการถกเถียงมานานคือ จำนวนผู้เสียชีวิตจริง

  • บทความ History ระบุว่า “หลายแสนคน” ถูกฆ่าในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์
  • Britannica ให้ช่วงเวลาการดำเนินเหตุการณ์ระหว่าง ธันวาคม 1937 ถึง มกราคม 1938 และย้ำถึงความโหดร้ายที่มีต่อประชาชนและเชลยสงคราม
  • บางแหล่งให้ตัวเลขสูงถึง 200,000–300,000 คน ถูกสังหาร และมีการข่มขืนหญิงมากกว่า 20,000 คน
  • บางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นโต้แย้งตัวเลข แต่โดยทั่วไปยอมรับว่าวิกฤตนี้เป็นหนึ่งในอาชญากรรมสงครามสำคัญของศตวรรษที่ 20

💔 บาดแผล & ผลกระทบ

ต่อจีน &ประชาชน

  • ความสูญเสียชีวิตและญาติผู้เสียชีวิตหลายครอบครัว

  • การบาดเจ็บทางกายและจิตใจอย่างรุนแรง

  • เมืองนานกิงต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นฟู

ต่อประวัติศาสตร์ &ความทรงจำ

  • เหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ “บาดแผลแห่งชาติ” ของจีน

  • สร้างตำนานความเป็นประเทศที่ไม่ลืมการรุกราน

  • ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีนและญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน

ต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

  • เป็นตัวอย่างของอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศ

  • หลังสงคราม ญี่ปุ่นถูกตัดสินในศาลอาชญากรรมสงคราม เช่น Matsui Iwane ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยบทบาทในนานกิง

ญี่ปุ่นยึดนครนานกิง

🔍 ทำไมเราต้องจดจำ “นานกิง”?

การจดจำเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงเรื่องประวัติศาสตร์ แต่เพื่อเป็น บทเรียนมนุษยธรรม ให้เราไม่ยอมให้ความโหดร้ายแบบนี้ซ้ำรอย

  • เพื่อรำลึกถึงผู้ที่สูญเสีย

  • เพื่อเตือนใจว่าอำนาจทหารเมื่อไร้ขอบเขตจะเกิดสิ่งโหดร้าย

  • เพื่อส่งเสียงให้โลกไม่ลืมว่า “สงคราม” ไม่ใช่แค่กับทหาร แต้วต่อผู้บริสุทธิ์

📖 สรุปเรื่องราว สังหารหมู่แห่งนานกิง

  • เหตุการณ์เริ่ม 13 ธันวาคม 1937 เมื่อญี่ปุ่นยึดนครนานกิง
  • เกิดการสังหารหมู่ ข่มขืน ปล้นสะดม และเผาทำลายเมืองภายในไม่กี่สัปดาห์
  • จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณอยู่ในช่วงหลักแสน (มีการถกเถียง)
  • เหตุการณ์นี้ฝากบาดแผลและบทเรียนให้มนุษยชาติไม่ลืม และยังส่งอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน