เปิดประวัติของชีส รสชาติอร่อย รสชาติติดปากติดใจ จนถอดถอนใจมูฟออนไม่ให้กินไม่ได้ แถมว่าชีสนี้ยังอยู่คู่ใจคนทั่วโลกมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมนูอาหารชื่อดังหลายๆเมนูนั้นมักมี “ชีส” เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของจาน เพราะรสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใครและมีมีใครเหมือนนี้แหละคือสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้มาชิม
เปิดประวัติของชีส รสชาติอร่อย รสชาติติดปากติดใจ ที่อยู่คู่หัวใจคนทั่วโลก!!
ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียดายเพราะว่าจุดเริ่มต้นและถิ่นกำเนิดของชีสนั้นยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน และยังไม่มีหลักฐานจากงานวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์คนใดบอกให้เราทราบว่า แท้จริงแล้วมาจากที่ไหน แต่ถ้าว่าเรายังมีบันทึกเกี่ยวกับชีสตั้งแต่ช่วงอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดมาให้ดูดังนี้
นักวิจัยนั้นได้คิดว่าชีสนั้นน่าจะเกิดขึ้นมานานมากกว่า 8,000 ปีก่อนคริสตกาล น่าจะเป็นช่วงยุคที่ผูู้คนโบราณนั้นริเริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เป็นช่วงแรกๆ และพวกเขานั้นคาดว่าผู้คนสมัยโบราณนั้นอาจจะนำเอานมที่มีอยู่ไปใส่เอาไว้ในกระเพาะสัตว์ (ในยุคสมัยนั้นพบว่าพวกเขาใช้สิ่งนี้เป็นกระติกน้ำ) ก่อนที่พวกเขานั้นจะทิ้งมันเอาไว้ในนั้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สุดท้ายพวกเขาอาจพบว่าน้ำนมได้จับตัวกันเป็นลิ่มน้ำนม (Curd)
***ต้องขอบอกเกร็ดความรู้นิดหนึ่งว่าในกระเพาะของวัวนั้นมันมีเอนไซม์ “เรนนิน” และมันคือตัวช่วยที่ทำให้น้ำนมสามารถจับตัวกันเป็นก้อนอยู่ตัวได้แบบไม่ต้องอาศัยอย่างอื่นมาร่วมด้วย
ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกถ้าคนที่เห็นของแปลกๆเกิดขึ้นมาใหม่แบบนี้แล้วจะลองลิ้มรสชาติของมันดู หลังจากที่พวกเขาได้ชิมรสชาติของมันไปแล้ว ก็คือมันกินได้และอร่อยแถมยังสามารถเก็บเอาไว้ได้นานๆ และนี้คาดการว่าอาจจะเป็นขบวนการผลิต “ชีส” ในยุคนั้นที่เป็นยุคเริ่มต้น หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวก็ถือกำเหนิดเกิดการเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารของคนทั่วโลกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ โดยมีหลักฐานการพบชีสในแทบทุกวัฒนธรรมโบราณที่ร่วมสมัยตั้งแต่
- เมโสโปเตเมีย
- อียิปต์
- กรีก
- โรมันเลย
เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยมาเป็นเวลาที่ยาวนานผู้คนนั้นก็ไม่ได้ลดละในการบริโภคนี้เลย เมื่อคนนิยมบริโคภเจ้าชีสนี้ก็เลยเริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ และเริ่มดูทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเรื่อยๆอย่างเช่น
- ในช่วงปี 1500 ได้เริ่มผลิต Cheddar
- ในช่วงปี 1597 ได้เริ่มผลิต Parmigiano-Reggiano
- ในช่วงปี 1697 ได้เริ่มผลิต Gouda
- ในช่วงปี 1791 ได้เริ่มผลิต Camembert
ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันชีสจะถูกผลิตจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงมาเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานแทนที่จะทำจากมือเหมือนที่เคยเป็นนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้คนกินลดละหรือเลิกกินแต่อย่างใด แต่ถ้าว่าการปฏิวัตินี้ส่งผลให้ผู้ผลิตชีสด้วยมือนั้นต้องเลิกทำกิจการไปเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะมีการขยับขยายการขายชีสไปได้เยอะก็ตาม และปัญหาที่เราว่ามาเมื่อครู่นี้นั้นก็ดูจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นๆ ในช่วงสงครามโลกมันรถณแรงมากถึงขนาดที่ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 การผลิตชีสจากการทำมือเกือบสาบสูญพันธุ์ไปได้เลยด้วย
เมื่อเดินทางมาถึงช่วงยุค 70 ผู้คนเริ่มมีกระแสตอบรับกลับมารักในสินค้าจากผู้ผลิตรายย่อยที่ทำการผลิตจากมือกันอีกหนึ่งครั้ง สุดท้ายชีสทำมือที่เกือบจะหายไปจากประวัติศาสตร์ จึงสามารถกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง การกลับมีกระแสตอบรับอีกครั้งนี้นั้น ถูกนำมาบวกกับการที่หลายประเทศในแถบยุโรป นั้นได้ทำการออกกฎหมาย คล้ายกันกับ Appellation d’Origine Contrôlée ของประเทศฝรั่งเศส
กฎหมายตัวนี้นั้นรับรองผลิตภัณฑ์อาหารในภูมิศาสตร์แบบเฉพาะ ไม่ให้ถูกคัดลอกไปได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีสทำมือก็ค่อยๆ มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับตลอดในห่วงปี 80-90 สุดท้ายมันกลับกลายมาเป็นภาพลักษณ์ของชีสสุดหรู ที่มีปริมาณที่น้อยแต่ถ้าว่ามีราคาที่แพงมากกว่าปกติ แต่คุณภาพของมันนั้นอัดแน่นแบบหาที่ไหนไม่ได้ สำหรับคนที่อยากเห็นภาพชีวทำมือนั้นให้ไปดูภาพ Parmigiano-Reggiano เพราะมันคล้ายๆกัน
สนับสนุนโดย
UFABET | UFA365 | UFABET เข้าสู่ระบบ | UFABET เว็บตรง | สล็อต เว็บตรง | SLOTXO | สล็อต | PG SLOT | สล็อต XO | สล็อต | JOKER123 | สล็อต เว็บตรง | สล็อตโจ๊กเกอร์ | Gclub | จีคลับ | Sbobet | Sbobet9