Saturday, 23 November 2024

ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มีคนบอกว่าไม่ควรบังคับคาด “เข็มขัดนิรภัย” กับผู้โดยสารเพราะมันคือความ “สมัครใจ” แต่ “เปลี่ยนใจ” หลังการตายเพราะรถชน “ลดลง”

ไม่ควรบังคับคาดเข็มขัด “นิรภัย” กับคนที่นั่งในรถ!เกือบเป็นจริงเมื่อช่วงทศวรรษที่  1980 เป็นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มีคนบอกว่านี่คือความ “สมัครใจ” ของผู้โดยสารที่จะ “คาดเข็มขัดนิรภัย” หรือไม่ทำ แต่ “เปลี่ยนใจ” หลังการตายเพราะรถชน “ลดลง” เลยหับกับมสนับสนุนจนถึงปัจจุบัน

สล็อต xo Slotxo

ไม่ควรบังคับคาดเข็มขัด “นิรภัย” กับคนที่นั่งในรถ!เกือบเป็นจริงเมื่อช่วงทศวรรษที่  1980

ไม่ควรบังคับคาดเข็มขัดนิรภัย

นับจากวันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ประเทศไทยของเรานั้นได้เริ่มใช้มาตรการใหม่ที่ทุกที่โยสารบนรถยนต์ทุกชนิดนั้นจำเป็นจะต้อง “คาดเข็มขัดนิรภัย” ทุกคนโดยบังคับใช้กับรถยนต์ 7 ที่นั่ง แน่นอว่ากฎหมายใหม่ที่ออกมานั้นอาจทำให้หลายๆคนนั้นไม่คุ้นชิน ซึ่งบางคนนั้นยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเริ่มบังคับใช้แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็ได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการยังไม่ทำการจับปรับ แต่เป็นการตักเตือนก่อนในช่วงแรก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือทุกหน่วยงานนั้นก็จะต้องให้ความช่วยเหลือ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนนั้นเข้าใจในกฎหมายมากขึ้น และจะได้ปรับตัวได้ในอนนาคต แต่ถ้าว่าก็ยังมีบางคนที่ไม่ยอมเข้าใจและไม่น่าจะยอม “คาดเข็มขัดนิรภัย”เมื่อเดินทางเนื่องจากว่าบางคนนั้นให้เหตุผลว่ามา เมื่อก่อนไม่เห็นจะต้องใส่ บางคนนั้นก็บอกว่ามันทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ไม่ชิ้น บางคนนั้นคิดไกลไปถึงว่าถ้าหกเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วจะปลดเข็มขัดออกได้ยังไงให้ทัน และสุดท้ายก็ไปลงเอยที่ “ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย”

ส่วนต่างประเทศนั้นเขาเริ่มใช้กฎหมายนี้มานานมากแล้ว ซึ่งประชาชนคนในประเทศของเขานั้นก็ยอมทำตามแบบไม่มีข้อแม้ แต่ก็ใช่ว่าในตอนแรกนั้นจะทำตามกันง่ายๆ เพราะมันก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านเราสักเท่าไหร่ อย่างเช่นเมื่อในอดีตนั้นมีสื่อข่าวที่เก่าแก่มากๆนั้นเคยเขียนเอาไว้ว่า ในอดีตนั้นมีการเรียกร้องสิทธิเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยในสหรัฐอเมริกาอย่างหนักหน่วง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งพวกเขานั้นนำเรื่องราวที่ผ่านมากลับมาเปรียบเทียบในการออกกฎหมายใหม่มาใช้งาน ไม่ว่าประเทศไหนนั้นต่างก็ไม่ยอมรับในการนนำกฎหมายใหม่มาใช้งาน

ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มีคนบอกว่าไม่ควรบังคับคาด “เข็มขัดนิรภัย”

เหมือนกับตอนแรกที่โลกประกาศให้สวม “หน้ากากอนามัย” ที่มีหลายฝ่ายหลายความคิดออกมาแสดงตน บ้างก็บอกมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลใครจะใส่ไม่ใส่มันก็ไม่เกี่ยวกับกัน ซึ่งบางคนนั้นก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เช่นกันกับการคาดเข็มขัดนิรภัยที่ใครไม่อยากคาดก็ไม่ไม่เป็นอะไรและก็ไม่ต้องไปต่อว่าเขา เดี่ยวเราจะพาทุกคนนั้นย้อนกลับไปในปี 1980 ในช่วงที่ประชาชนและทางการนั้นกำลังเริ่มใช้มาตรการใหม่ทางกฎหมายรถยนตร์ของฝั่งประเทศฝั่งตะวันตก รวมถึงสหรัฐฯ หลังจากที่ทางการของหลายๆประเทศประกาศบังคับใช้กฎหมายการจราจรและความปลอดภัยสาธารณะ โดยทางการนั้นจะขอให้ประชาชนทุกคนนั้นร่วมมือร่วมใจ “คาดเข็มขัดนิรภัย” ทุกครั้งที่ใช้รถใช้ถนนจะเห็นได้จากผลการสำรวจว่าในช่วงนั้นว่า

คนอเมริกันราว 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่า

  • ตัวเองคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

ขณะที่ผลสำรวจปี 2022 พบว่าคนขับรถในสหรัฐฯ

  • มากกว่า90 เปอร์เซ็นต์บอกว่าตัวเองคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง

ไม่ควรบังคับคาดเข็มขัดนิรภัยควรเป็นความสมัครนใจ

การเปลี่ยนวิธีคิดและความคุ้นเคยของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนของอเมริกานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เพราะทางการนั้นจะทำการเก็บข้อมูลและเก็บสถิติ และนำมารวบรวมทำเป็นวิจัยอัปเดตให้ประชาชนทราบถึง สถิติการเกิดอุบติเหตุ การเสียชีวิตบนท้องถนนของ NHTSA อยู่เสมอ จากข้อมูลที่พวกเขานำมาให้ประชาชนดูนั้นสามารถบอกได้ว่าในแต่ละปีนั้นมีผู้รอดชีวิตเฉลี่ยประมาณ หนึ่งหมื่นห้าพันรายต่อปี ซึ่งการรอดชีวิตของคนเหล่านี้ทั้งคนขับและผู้โดยสารนั้นล้วนแล้วมาจากการ “‘คาดเข็มขัดนิรภัย”และนี่มันคือจุดเปลี่ยนมุมมองของคนในสังคมอเมริกา

หันกลับมาดูเรื่องความปลอดภัยของคนใช้รถใช้ถนนในประเทศไทยเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมานั้นทางองค์การอนามัยโลก World Health Organization นั้นบันทึกเอาไว้ว่าประเทศไทยของเรานั้นติดอยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศที่มีสถิติการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดในโลก จากข้อมูลนั้นบันทึกเอาไว้ว่าประชาชนของประเทศไทยในแต่ละวันนั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากถึง 60 คน จากอุบติเหตุทางรถยนต์และรถจักรยานยนตร์ ส่วนคำแนะนำที่ทาง World Health Organization เขียนออกมานั้นบอกว่า การป้องเพิ่มความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทยนั้นไม่ได้ให้ทำแค่ออกกฎหมายใหม่ๆขึ้นมา และไม่ใช่ว่าบังคับให้ประชาชนนั้นลดความเร็วในการใช้รถใช้ถนนอย่างเดียว เพราะอีกหนึ่งที่สำคัญมากๆก็คือ ระบบโครงสร้างทางการจราจรนั้นก็จำเป็นที่จะต้องถูกออกแบบมาดี