วิจัยชี้!!คนอ่านใจแมวจากใบหน้า “ไม่ได้” เพราะมนุษย์นั้นสนัทสนนมกับสุนัขมากกว่า “แมว”

วิจัยชี้!!คนอ่านใจแมวจากใบหน้า “ไม่ได้” แถมมีผลออกมาแย่มากกว่าที่คิด เพราะมนุษย์นั้นสนัทสนมกับสุนัขมากกว่า “แมว”!!แม้ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ สัตว์น่ารักอย่างน้องแมวนั้นคือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของมันได้ แม้ว่ามันจะอ้อนเรามากแค่ไหนก็ตาม

คนอ่านใจแมวจากใบหน้า “แย่” มากกว่าที่คิด !!แม้ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ

แมวคือหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่อินดี้จนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของมันได้ เนื่องจากว่าพวกมันนั้นเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็ว และในบางครั้งหน้าตาของมันนั้นก็ไม่ได้บอกอารมณ์จริงๆออกมา แถมว่ายังมีหนึ่งงานวิจัยออกมาบอกว่ามนุษย์นั้นอ่านใจแมวจากสีหน้าได้แย่มากๆ บอกเลยใครที่สนใจเรื่องของอารมณเจ้าเหมียวมากๆนั้นต้องดูห้ามพลาดเด็ดขาด

นักชีววิทยาเชิงพฤติกรรมจากมหาวิทยาลัย University of Guelph จากประเทศแคนาดานั้นกล่าวว่า…

พวกเขานั้นได้ทำการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าเหมียว โดยที่พวกเขานั้นเปิดโอกาสให้อาสาสมัครทั่วโลกที่เลี้ยงเจ้าเหมียวเข้ามาทำการทดลอง ซึ่งจำนวนอาสาสมัครที่เข้ามาทำการทดลองนั้นมีมากกว่า 6,000 คน จาก 85 ประเทศทั่วโลก ส่วนการทดลองในครั้งนี้นั้นมาในรูปแบบการทำแบบทดสอบออนไลน์ ที่ให้อาสาสมัครนั้นดูวีดีโอคลิปไม่กี่วินาทีที่มีภาพของเจ้าเหมียวนั้นเล่นและแสดงพฤติกรรมต่างๆออกมา ซึ่งการทดลองในครั้งนี้นั้นเขาจะให้อาสาสมัครทายว่าเจ้าเหมียวนั้นอยู่ในอารมรณ์ไหนตอนนี้

ผลการทดลองที่ออกมาในครั้งนี้นันพบว่า 87 เปอร์เซ็นต์ของอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลองในครั้งนี้นั้น ได้คะแนนจากการทำแบบทดสอบน้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในการทำแบบทดสอบต่างๆที่ทีมนักวิจัยจัดทำขึ้นและนี่มันคือการทดสอบที่ทาสนั้นสอบตกแบบไม่มีข้อแม้ เพราะอาสาสมัครที่เป็นทาสแมวนั้นไม่สามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยรแปลงไปด้านอารมณ์และความรู้สึกของเจ้าเหมียวได้ เมื่อมันแสดงออกมาผ่านสีหน้าซึ่งการแสดงออกนั้นมันมีมากมายมากเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ

ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์ นั้นสามารถตอบแบบทดสอบเข้าใจอารมรณ์และความรู้สึกของเจ้าเหมียวได้อย่างถูกต้องแบบไม่มีข้อแม้ เนื่องจากอาสาสมัครกลุ่มนี้นั้นได้คะแนนมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนี่มันคือสิ่งที่การันตีว่าพวกเขานั้นรู้ใจแมวระดับ Cat whisperer หรือผู้ที่สามารถสื่อสารกับแมวและสามารถฝึกสอนแมวได้ ต้องขอบอกเลยนะว่าผู้หญิงนั้นสามารถตอบแบบสอบถามได้แม่นย่ำมากกว่าผู้ชายเล็กน้อย ส่วนกลุ่มอาสาสมัครที่ได้คะแนนมากๆนั้นคือสัตว์แพทย์ที่ทีความใกล้ชิดและความผูกพันธุ์กับสัตว์มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งคนกลุ่มนี้นั้นคือกลุ่มที่สามารถฝึกสามารถคุยกับสัตว์ได้ดีกว่าพวกเราอยู่แล้ว

ดร. จอร์เจีย เมสัน ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า..

“การที่มนุษย์นั้นจะรับรู้ความรู้สึกของเจ้าเหมียวผ่านสีหน้าของมันได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ส่วนกลุ่มคนที่สามารถทำได้นั้นถือว่าเป็นความยากกว่า เนื่องจากว่านี้คือเรื่องมหัศจรรย์  เพราะผู้คนส่วนมากนั้นมีความสนิทสนมกับสุนัขมากกว่าเจ้าเหมียว ด้วยนิสัยหรือด้วยอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้มนุษย์นั้นไม่สนใจเจ้าเหมียว มันเลยคือหนึ่งช่องว่างที่ทำให้ไม่สามารถรับรู้อารมณ์ผ่านสีห้าได้ ส่วนหลักฐานการทดลองในครั้งนี้สำหรับผู้ที่สามารถอ่านใจแมวได้ผ่านสีหน้านั้นคือหนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่พวกเรานั้นจะนำไปพัฒนาต่อยอด เพื่อนำมาช่วยเหลือเจ้าเหมียวและสัตว์แพทย์ในอนาคต”