นกเค้า “ฟลาโก” นกเค้าอินทรีพันธุ์ยูเรเซีย ที่ได้รับอิสระเพราะมีคนแอบไปทำลายกรง

นกเค้า ฟลาโก Eurasian Eagle Owl สัตว์น่ารัก ที่อยู่ภายในสวนสัตว์ได้รับอิสระถูกปล่อยให้ออกไปโบยบิลแบบงงๆ และน้องก็เอาตัวรอดให้เจ้าหน้าที่ดูแบบงงๆ เหมือนกัน บอกเลยงานนี้ทำเอาเจ้าหน้าที่จากสวนสัตว์เซ็นทรัลพาร์กนั้นหัวจะปวดไม่ไหวต้องหาวิธีจับเจ้า ฟลาโก ใหม่

นกเค้า ฟลาโก ได้อิสระไปโบยบิลแบบงงๆ ที่เอาตัวรอดให้ดูแบบ “งง” กว่าๆ

ฟลาโก น้องคือนกเค้าที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ Central Park Zoo ที่น้องนั้นได้รับเสรีภาพโบยบินแบบไม่รู้ตัว เพราะมีใครบางคนนั้นแอบลับลอบเข้าไปทำลายกรงน้องแบบงงๆ และน้องนั้นก็โชว์สกิลเอาตัวรอดแบบงงๆ บอกเลยว่าการได้ชีวิตโบยบิลไปไหนก็ได้แบบไม่ต้องถูกขังนั้นมันดีมากจริงๆ สำหรับเจ้าน้อง ฟลาโก ตัวนี้

‘ฟลาโก’ คือสัตว์น่ารัก Eurasian Eagle Owl ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อจัดโชว์ใน Central Park Zoo และน้องนั้นก็ไม่ใช่นกสายพันธุ์ในพื้นที่ที่จะจัดเลี้ยงจัดโชว์ และตามชื่อชนิดก็บอกชัดว่าเขานั้นเกิดในธรรมชาติคือทวีปยุโรป แต่เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธุ์ 2023 ที่ผ่านมา ได้มีใครบางคนหย่องเข้าไปทำลายกรง เจ้าฟลาโก เลยถือโอกาสบินออกมาสู่โลกภายนอก

และแอบบไปนอนใช้ชีวิตบนต้นไม้ใน Central Park Zoo ที่เปิดโล่งแทน ไม่มีใครรู้เลยว่าคนปล่อยเป็นใครต้องอะไร ต้องการแอบมาเอามันไปเลี้ยงจริงๆ หรือจริงๆ แค่มาสร้างความวุ่นวาย ซึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคมคาบเกี่ยวมาถึงต้นกุมภาพันธ์มีสาเหตุคนเข้ามาขโมยสัตว์ป่า และทำลายกรงเลี้ยงสัตว์เกิดขึ้นกับสวนสัตว์ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นต้องสืบต้องหาต้นต่อกันไปยาวๆ แต่ในเคสของไอ้ต้าว ฟลาโก ได้เกิดเรื่องราวมากมายตามมาอย่างน่าสนใจ และหลังจากที่เจ้าหน้าที่รับรู้ว่า เจ้า ฟลาโก นั้นหายออกไปจากกรงเจ้าหน้าที่ก็รีบออกตามหา เพื่อเก็บมันเข้าไว้ในกรงเพราะกลัวว่ามันนั้นจะได้รับอันตราย ถ้ามันหลุดออกไปอยู่ตามที่ต่างๆ นอกกรง

เพราะเจ้า ฟลาโก มันเคยกินแต่อาหารที่เจ้าหน้าที่เตรียมมาให้ไม่เคยออกล่าเอง และมันก็ไม่เคยได้ออกไปเดินทางไปบินเองมานานมากกว่า 10 ปี แล้ว แถมมันยังขาดประสบการณ์ในการบินท่องเวหาออีกต่างหาก มันเลยทำให้เจ้าหน้าที่ห่วงว่าเจ้า ฟลาโก นั้นจะได้รับอันตรายเมื่อมันยุข้างนอก

แต่การจับสัตว์หลุดก็เป็นเรื่องที่ยากมากของเจ้าหน้าที่ เพราะสัตว์บางชนิดนั้นก็จับยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่สามารถยิงยาสลบให้มันสลบได้ทุกตัวอีกกด้วย และถ้าหากว่าจับมันด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องนั้นมันก็จะทำให้สัตว์เครียดจนป่วยและก็จะตายในที่สุด แน่นอนว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย

ในการจับเจ้า ฟลาโก เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก คือต้องใช้อาหารมากมายมาเป็ยสิ่งที่หลอกล่อมให้เพื่อจับตัวมัน แต่แล้วก็ไม่มีวิธีไหนที่ประสบความสำเร็จ เพราะมันนั้นบิลหนีไปเกาะตามกิ่งไม้นั่นกิ่งไม้นี้อย่างสบายใจ บางครั้งก็แอบทำเหมือนสนใจอยากกลับมาหาแต่ก็ไม่ แถมมันยังโชว์วิธีการออกล่าอาหารให้เจ้าหน้าที่ดูอีกต่างหากว่ามันหาของกินเองได้

หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยายามตามจับตัวของมันมานานร่วมเดือน เจ้าหน้าที่ก็ได้มองหาวิธีใหม่ในการจับมัน ซึ่งวิธีที่ว่านั้นก็คือเปลี่ยนมาใช้วิธีเฝ้าดูคอยสังเกตว่ามันไปไหนอยู่ไหนกินอะไรแทน และคอยเฝ้าระวังมันอยู่ห่างๆ มันแทน เรื่องนี้ผู้คนภายนอกที่ติดตามข่าวต่างรู้สึกยินดีที่มันนั้นไม่ถูกจับ เพราะคิดว่านกควรได้โบยบินอย่างมีอิสระมากกว่าถูกขังอยู่ในกรง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้มันจะแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่ามันสามารถเอาตัวรอดได้ โดยที่มันไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลและป้อนอาหาร แต่มันก็ยังเป็นเพียงช่วงเวลาที่ไม่นานสักเท่าไหร่ เพราะในระยะยาวมันจะอยู่ได้หรือไม่ได้ เมื่อฤดูกาลเปลี่ยน สภาพอากาศแตกต่างจากที่เป็นอยู่ บางคนยังตั้งข้อสังเกตไปถึงฤดูผสมพันธุ์ แล้วมันจะเหงาไหม

ซึ่งหากมีสัญญาณเตือนว่ามันเริ่มหากินเองได้ หรือถูกอันตรายคุกคามจนร่างกายนั้นอ่อนแอลง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเปลี่ยนแผนกลับมาตามจับตัวของมันเข้ากรงเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าควรให้มันอยู่แบบนี้ของมันไปเองก่อน ในตอนที่มันนั้นยังอยู่ได้

ความเป็นสัตว์แปลก (ที่มาจากนอกเขต) ผสมกับเรื่องราวในสื่อทำให้ Central Park Zoo ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนที่เข้ามาสนใจส่องกล้องตามหาตัวติดตามรอยของเจ้านกตัวนี้กันเป็นจำนวนมาก มากจนสื่อใหญ่หลายแห่งตั้งฉายาให้น้องนั้นเป็นเซเลบฯ นกตัวใหม่แห่งมหานครนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่ามีคนไปส่องมันมากๆ และส่งเสียงดังออกมา ในเวลาที่มันกำลังนอนหรือกำลังจะออกล่าอาหาร นั้นก็นับว่าเป็นภัยคุกคามในชีวิตของมันอีกอย่าง  เพราะมีตัวอย่างมากมายในการท่องเที่ยวชมสัตว์ตามสถานที่ธรรมชาติ และยิ่งกับฟลาโกที่เพิ่งรู้จักโลกกว้าง การใช้ชีวิตแบบเซเลบฯ ก็ถือเป็นความยากลำบากอีกขั้นที่ต้องฟันฝ่ากันต่อไป

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมสดใหม่ทุกวันได้ที่นี่